ถาม-ตอบ (คำต่อคำ) อังคาร 27 ตุลาคม 2552

ถาม-ตอบ (คำต่อคำ) อังคาร 27 ตุลาคม 2552



ถาม: การใช้ประคำเมื่อหาตัวได้แล้วเลิกใช้ได้เลยไม๊คะ


ตอบ : ต้องแน่ใจว่าเราจำอารมณ์ตัวนั้นๆ ได้จริง และ ตัวที่เราได้อารมณ์=ปิติ ไม่เปลี่ยน อย่างนั้นจึงจะเลิกใช้ประคำได้ (ให้เอาไว้หน้าหิ้งพระ หรือให้คนอื่นเอาไปปฏิบัติต่อก็ได้ ได้บุญนะ)พระพุทธองค์สอนพระอานนท์ว่า เมื่อนั่งเรือถึงฝั่ง ขึ้นฝั่งไม่ต้องแบกเรือไปด้วย ประคำเป็นเสมือนอุปกรณ์ ให้เราถึงสมาธิ อันมีสติคือธรรมชาติระลึกรู้อารมณ์ อันมีนิมิต คือ ตัว นะ หรือ โม ฯลฯ เมื่อได้นิมิตและระลึกได้แล้ว จึงเอามาตั้งไว้ที่นิยมที่1" คำว่า1 " ภาษาโบราณเรียกว่า ปถ อ่านว่า ปะถะ ซึ่งกลายเป็นคำว่า ปถม หรือ เริ่มแรก เอาตรงนั้นเป็นที่ตั้งลม " ที่ตั้ง "ภาษาพระเรียกว่า ฐาน รวมแล้ว เป็นคำศัพท์ว่า " สติปัฏฐาน "


สิ่งใดที่เป็นรูป สำผัสจับต้องได้ สิ่งนั้นเป็นดิน =ปถวีธาตุ คือธาตุเริ่มต้น ดังนั้นการอธิษฐาน เรื่องเงินซึ่งจับต้องได้จึงต้องใช้ นิยม ที่
1ตัวอย่าง: 

มีคนๆนึงเขาอธิษฐาน ได้บ้านไปอีกหนึ่งหลัง ฟรีๆ เพิ่งโอนเสร็จเมื่อวาน ไม่เสียอะไร ไม่ต้องขายอะไรแลก ได้มาฟรี =สมบัติเทวดา แถมยังต่อเติมอีกตังหาก บ้านก็ติดกับบ้านเดิม นี่คือพุทธานุภาพ พิสูจน์ได้ทุกยุคสมัย ขึ้นอยู่กับว่าคนๆนั้น ถวายชีวิตเป็นพุทธบูชาหรือไม่ เพราะเรากล่าวว่า " พุทธัง ชีวิตัง ยาวนิพานัง สรณังคัจฉามิ " นั่นคือการถวายชีวิต (ลมหายใจ) เป็นพุทธบูชา ด้วยความจริงใจ ไม่ใช่พูดไปเรื่อย ยังไงก็ไม่ได้

ต้องมีสัจจะทีละอย่าง ได้แล้วค่อยเลื่อนขั้น วาจากับใจ มาก่อน จากนั้นจึงชักประคำ=กาย อย่าข้ามขั้น ได้

อารมณ์=นิมิต อย่างแน่นอนไม่เปลี่ยนแปลง จึงเอานิมิตนั้นไปตั้งไว้ที่ปฐวี นิยม1 วิวัฒ จาก นะ หรือ โม ให้เป็นสิ่งที่ต้องการ ได้ผลแน่นอน ลองพิจารณาดูซิว่าตรงไหนที่เราข้ามขั้นไปบ้าง หากยังไม่ได้จริงๆ ถอยกลับไปเริ่มต้นที่จุดนั้นๆใหม่ อย่าลืม เราเอาผล ไม่ได้เอาภาพ ไม่ได้เอากระดาษไปอวดใครและไม่ได้ทำอวดใคร แต่เมื่อเราได้ทุกครั้ง เราจะอวดใครก็ได้ อวดให้สะใจ รวยให้สะใจกันไป


ถาม : คำว่า วิวัฒ หมายถึงว่า ต้องตั้งตัว นะ ตัว โม ก่อนทุกครั้ง แล้วค่อยวิวัฒหรือเปล่าคะ


ตอบ : วิวัฒ หมายถึง เอาตัวใดตัวนึง ที่เราได้นิมิตขณะชักประคำ (ขนลุก ฯลฯ) มาใช้ในการตั้งที่ ปฐวี นิยม 1 ทุกครั้ง ตอนแรกให้เห็น นะ หรือ โม ฯลฯ ให้ชัดก่อน จากนั้นจึงเปลี่ยนเป็นสิ่งที่เราต้องการ



ถาม : วันนี้ไปยื่นเอกสารที่ อ.ย. อธิษฐานตั้งลมไว้จุด 1 ขอให้เอกสารผ่าน ปรากฏว่า ถูก reject หมดเลย ขอถามว่า จุดที่ 1 ถูกต้องหรือไม่ครับ


ตอบ : ถูกต้อง แต่ต้องถามตัวเองว่า เราตั้ง นะ หรือ โม แล้วเปลี่ยนเป็นภาพให้เขายอมรับเอกสารเราหรือเปล่า ถ้ายังไม่เปลี่ยน นะ หรือ โม ฯลฯ เป็นภาพที่เราอธิษฐาน จะไม่ได้อย่างต้องการ เคล็ดลับนี้บอกไปทุกครั้งเรื่อง วิวัฒ มักพลาดกันตรงนี้ซะด้วยนะ แต่คนที่เคยทำสมาธิเป็นประจำ จะทำได้โดยธรรมชาติ แต่จะบังคับไม่ได้ ให้อธิษฐานตรงจุดที่ 1 เมื่อวิวัฒเป็นสิ่งที่เราต้องการแล้วจึงค่อยๆผ่อนลมหายใจเพื่อเลื่อนไปจุด
2 3 4 5


ถาม : เปลี่ยนครับ แต่คนรับวันนี้เป็นคนละคนกับในภาพของเรา


ตอบ : ในกรณี เกี่ยวกับเรื่องยอมรับ =เมตตา หรือ เห็นด้วยกับเรา นั่นหมาายถึง นิยม ที่2 (อาโปธาตุ)




ถาม : แต่ครั้งก่อนเมื่อ2เดือนที่แล้ว อธิษฐานอย่างเดียวกันและเป็นคนเดียวกัน ปรากฏว่าได้แบบไม่น่าเชื่อ

ตอบ : ถึงบอกว่ามันเป็นธรรมชาติที่ควบคุมไม่ได้ เราจึงต้องฝึก มีอย่างหนึ่งที่จะบอกว่า การที่เราไม่ได้ อย่าท้อ เพราะสิ่งไม่ได้เหมือนกับขดลวดสปริง มันจะทดแรงไว้ เมื่อได้จะใหญ่มาก ยกกรณีอธิษฐาน 10ล้านไม่ได้ แต่ได้มา 100ล้าน คุ้มเกินคุ้ม นี่เป็นความจริง



ถาม : ในกรณีแบบนี้ ภาพคนที่เราเอาไปใส่ เป็นคนละคนกับที่เราพบ มีผลหรือไม่ หรือว่าไม่เกี่ยวกันครับ


ตอบ : ความจริงอย่าเอาภาพคนอื่นไปใส่ มันต้องเอาภาพเรา ว่ารับเงินแล้ว รับงานแล้ว มันถึงจะถูก คนอื่นน่ะเปลี่ยนได้ เราบังคับไม่ได้ แต่เราตังหากที่ไม่เปลี่ยน ให้อธิษฐานว่า เราต้องได้ ต้องรับ และเห็นภาพเราว่ารับแล้ว เหนาะๆ100ล้าน ได้มาสัก 50ล้าน ก็ไม่ขาดทุน เราบังคับเวลาของเรา เราโค้งงอเส้นเวลาของเรา ไม่ใช่ของคนอื่น แล้ววันหนึ่งจะรู้ว่า เงินไม่ใช่สิ่งสำคัญ เวลาต่างหากที่สำคัญ เพราะเราต้องบังคับเส้นเวลาและใช้พลังสมาธิในการร่นเส้นเวลาให้โค้งงอเข้าหากัน วิธีอื่นไม่มีทาง



ถาม : แล้วถ้าเราอยากให้คนที่เรารู้จักช่วยเรื่องงานบางอย่าง เราต้องอธิษฐานให้เห็นคนนั้นกับเราด้วยใช่ไม๊คะ


ตอบ : ใช่ นิยม ที่2 คือไปเริ่มที่ 1 แล้วเอามาตั้งลมไว้ที่
2



ถาม : แล้วที่บอกว่า ถ้าต้องการให้เร็ว ให้ไปตั้งไว้จุดที่ 3 ก็หมายความว่าให้เริ่มจากจุดที่ 1 และมาจบที่จุด 3หรือว่าต้องครบ 5จุดคะ


ตอบ : ต้องรู้ก่อนว่าเรื่องอะไร




ถาม : เรื่องเงินค่ะ


ตอบ : คนที่เขาได้บ้าน เชื่อไม๊ว่า ทีแรกแทบไม่มีบ้านจะอยู่ ทุกอย่างถูกคำสั่งศาลยึดหมด แม้แต่เงินในธนาคาร ร้องไห้ 28วัน หลังจากทุ่มเทชีวิตจิตใจ เพราะไม่มีทางเลือก ปัจจุบัน ใช้เงินวันละ 2 แสน ใช้เท่าไหร่ไม่หมด เงินบริสุทธิ์ด้วย เขาจึงทุ่มเทกับการปฏิบัติและอธิษฐาน เดินทางอย่างไม่เห็นกับเหน็ดเหนื่อย เพราะเปลี่ยนชีวิตใหม่ อย่างไม่มีทางเป็นไปได้ในเรื่องของมนุษยชาติ นี่คือพุทธานุภาพ ที่เป็นอย่างนี้เพราะเขาไม่มีทางเลือก นอกจาก ขอทาน หรือ ฆ่าตัวตาย จึงเลือกเอาปฏิบัติ



ถาม : ทำไมเวลาขอเรื่องอื่นได้หมด แต่ทำไมเรื่องเงินค่อนข้างยากคะ


ตอบ : เพราะเราอธิษฐานไม่ครบองค์ คือ เราได้ประโยชน์ เขาได้ประโยชน์ แล้วสังคมได้ประโยชน์หรือไม่ หากขาดไปหนึ่งก็ได้ยากแล้ว ดังนั้น อะไรก็ตามที่อธิษฐานแล้วครบ3 จะได้เร็ว คือได้มาแล้ว เราจะใช้ทำประโยชน์อะไรให้สังคม หรือ สังคมได้ประโยชน์อะไรกับสิ่งที่เราทำ เพราะสังคม พระเรียกว่า พหุชน เป็นคำบาลีว่า พหุชนหิตาย พหุชน สุขายะ คือให้ชนหรือสังคม มีความสุขจากสิ่งที่เราได้ ก็คือการทำบุญ ทำกุศล หรือให้นึกไว้ก่อนว่า ได้มาจะเอาไปทำทานคนแก่ คนพิการ คนยากไร้ อะไรทำนองนั้น เผื่อแผ่คนในครอบครัวหรือคนใกล้ตัว ซึ่งเป็นสังคมเล็กๆและขยายออกไป สิ่งที่ได้ก็จะใหญ่ตามไปด้วย ไม่ใช่ขอให้รวยๆๆๆๆๆ แต่เรารวยแล้วคนอื่นล่ะ นี่คือที่มาของคำว่า ทาน เป็นกุศลอย่างหนึ่งในพุทธศาสนา เคยสอนไปแล้วว่า ทานน่ะทำได้ แต่ต้องมีเงินก่อน เมื่อเรานึกขอให้รวย ก็ต้องนึกว่าเราจะบริจาคอะไรให้สังคมด้วย หากศึกษาให้ดี หลักของพระพุทธศาสนา คือ ทาน ศีล ภาวนา



ถาม1 : คนใกล้ตัว เช่น ลูกหลาน พี่น้อง แล้วค่อยไปสู่สังคมใช่ไม๊คะ


ตอบ : ได้ แล้วขยายออกไป ตามส่วนที่เราได้มา ไม่ใช่ได้มา 100ล้าน ให้คนที่บ้าน 100บาท



ถาม2 : สังคมก่อนแล้วค่อยลูกหลาน พี่น้อง


ตอบ : พูดถูกต้อง ความจริงเป็นอย่างนั้นนะ แต่คนจะทำใจอย่างนั้นได้กี่คน

นี่คือข้อหนึ่งในพระพุทธศาสนา เรียกว่า ขจัดความตระหนี่ในความคิดเรา เป็นการเปิดถุงเงินของเรา รับเงินหรือโชคทั้งหลายให้เข้ามา โดยการเปิดใจของเรา เรียกว่า เปิดใจให้กว้าง



ถาม1 : อ้าว ก็ต้องใกล้ตัวก่อน จะได้ไม่มาสร้างความเดือดร้อนให้เราไง


ตอบ : นี่แหละ เวลาได้มักมีปัญหาตามมาให้แก้ เพราะเป็นการให้เพื่อขจัดความรำคาญ ไม่ใช่เพราะเวทนาสงสารนะ เหมือนคนเอาซองผ้าป่ามาแจก รำคาญ บ่นแหลก แต่ก็ใส่ซองไป บุญไม่ได้ ได้แต่บาป สรุปว่า ทั้งหมดที่กล่าวมา เป็นการสร้างความรู้สึก แคร์สังคม แคร์คนที่ด้อยกว่าเรา นี่คือศาสนาพุทธและความรู้สึกนี้จะเปลี่ยนเป็นเมตตา นิยม ที่2 เอง ไปไหน มีแต่รับกับรับ เทวดาก็เมตตา เพราะเราส่งกระแสความเมตตาไปเวลาอธิษฐาน นี่แหละที่ท่านให้แผ่เมตตาก่อนปฏิบัติ เพื่อจัด Data ในใจเรา ไม่ให้เห็นแก่ตัว ทุกอย่างก็จะได้สมปรารถนา



ถาม : ขณะปฏิบัติ เวลาตั้งลมหลับตาได้หรือไม่ เช่นตอนนอนกำลังจะหลับ


ตอบ : หลับตา ลืมตา ได้ทั้งนั้น ไม่ว่าอิริยาบทไหน ขอให้เราหายใจ ฝึกทำได้ ฝึกอธิษฐานได้หมด เช่นข้ามถนนหรือขับรถ ก็สามารถบังคับไฟแดงไฟเขียวหรือรถข้างหน้าได้นะ พระพุทธองค์ให้ฝึกทุกลมหายใจเข้าออก ไม่ใช่เฉพาะเวลานอน

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS