การปฏิบัติกับอัญมณี โบราณวัตถุ

การดึงความรู้ วิทยาการจากอัญมณี

        เราเคยสงสัยกันบ้างไหมว่า …ทำไม อัญมณี เช่น เพชร ทับทิม ไพลิน มรกต คริสตัล ฯลฯ จึงมีค่าราคาแพง เป็นเช่นนั้นต่อเนื่องมานับแต่ยุคบรรพกาล
      ไม่ใช่เพราะว่าเกี่ยวด้วยความสวยงาม แต่เนื่องจากอัญมณีเหล่านั้น จะเก็บข้อมูลต่างๆ ไว้แตกต่างกันตามสถานะอานุภาคของPlasma ที่ถูกเร่งด้วยคลื่นแรงสัมพัทที่แตกต่างกันในลักษณะของ Spectum ปัจจุบันการบันทึกข้อมูลลง DVD หรือ คริสตัล ก็คือการเลียนแบบธรรมชาติการเก็บความจำของอัญมณี นั่นเอง
       ในยุคโบราณเราจะพบจารึกบันทึกอยู่ในตำนาน แม้แต่ในพระไตรปิฏกของพุทธศาสนา ว่า อำนาจพลังสมาธิทำให้สสารเปลี่ยนรูปแบบ แม้แต่การ “ปริกรรม” ก็เปลี่ยนรูปแบบโมเลกุลของสสารได้ พลังที่เกิดขึ้นเปลี่ยนเป็นปฏิสสาร ทำให้มีพลังเหนือวัตถุ การปฏิบัตินี้ในพระไตรปิฏกเรียกว่า “สมาธิ” ในยุคโบราณเรียกว่า “โยคะ”(ไม่ใช่ทำโยคะแบบหกคะเมนตีลังกา) แต่เป็นการทำโยคะโดยการปริกรรม(วาจาใจ ถึงพร้อม) เพื่อสร้างปฏิสาร เราจึงได้พบบ่อยๆ ในเอกสารทางศาสนาว่า ที่ๆ พระอริยะบุคคลปฏิบัติ ณ วัตถุที่ตรงนั้น จะกลายสภาพเป็นอัญมณี เช่นการบำเพ็ญเพียรของพระอุปคุต หรือ พระนาคารชุน เป็นต้น
      การปฏิบัติทางสมาธิมีมาแต่ยุคบรรพกาล
     “โยคะ” โดยศัพท์ มีความหมายว่า “บวก หรือ รวม” ในทางปฏิบัติเรียกว่า “สัมปยุติ” คือ การรวมกันของสิ่งหนึ่ง กับ สิ่งต่างให้เป็นสภาวะเดียวกัน เช่นการ “สัมปยุติวาจา+ใจ ด้วยการปริกรรม” เป็นต้น

    ในการปฎิบัติ “รูปโยคะ” คือการเข้าถึงสภาวะเดิมของรูปนั้นๆ ว่ามีสมุฐานที่มาอย่างไร เพื่อเข้าถึงความแปรเปลี่ยนของสรรพสิ่ง ล้วนเป็นอนิจจัง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และ ดับไป เปลี่ยนสภาวะไปตามสภาพ เป็นวัฏฏะ

      ตามมหลักฟิสิกส์ ในทุกสรรพสิ่งล้วนมีพื้นฐานคือ Atom โดย Electronจะผลักให้เกิดการรวมตัวเป็นอะตอม และ อะตอมก็จะเป็นโมเลกุล เป็นรูปร่าง วัตถุ ทั้งมีชีวิต หรือไม่มีชีวิต มีพื้นฐานเดียวกัน ดังนั้นการสัมปยุตกับสรรพสิ่งต่างๆ เหล่านี้ ก็คือเปรียบเสมือนการเชื่อมสายไฟ รับกระแสElectron เป็นหนึ่งเดียวกัน ข้อมูลในแต่ละสิ่งก็จะถ่ายเทไปมาสู่กันและกัน เป็นเรื่องปกติ นี้คือหลักทางฟิสิกส์ สสารสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงาน และพลังงานก็สามารถเปลี่ยนเป็นสสารได้ เพราะมีพื้นฐานเดียวกัน และอัญญมณีที่เกิดจากพลังสมาธิ จึงเก็บคลื่นความถี่ปริกรรมของผู้ปฏิบัต รวามทั้งความรู้ ข้อมูลต่างๆ ไว้ อันเป็นที่มาของอัญมณีนำโชค มีไว้จะเกิดพลังอำนาจ ก็ด้วยอานุภาพของพลังสมาธิที่กล่าวมา

        ในการรับรู้ข้อมูลจากวัตถุต่าง ๆ จึงไม่ใช่เรื่องที่ผิดแผกแตกต่างไปจากธรรมชาติ แต่กลับเป็นการเข้าถึงธรรมชาติของแต่ละสรรพสิ่ง ดังเช่นการอ่านข้อมูลจาก หิน คริสตัล หรือ วัตถุโบราณ จึงเป็นเรื่องปกติที่ผู้ฝึกฝน “รูปโยคะ” สามารถทำได้ ในทางPhysic เรียกว่า การสื่อสารทางโมเลกุล ซึ่งมนุษย์ใช้โมเลกุลสื่อสาร สั่งการในร่างกายของเราเป็นปกติอยู่แล้ว และในทางปฏิบัติของพระพุทธศาสนา คือ การเข้าถึง หรือ พิจารณาธรรมชาติของธาตุทั้ง ๔ อันมีมาใน “สติปัฏฐาน” นั้นเอง

      ขอยกตัวอย่างการปฏิบัติอย่างง่าย ได้แก่การเข้าถึงข้อมูลของหินอัญมณี ซึ่งเป็นมหาภูตรูปธาตุดิน หรือปถวี จะมีวิธีขั้นตอนฝึกฝนดังนี้
      ๑. เมื่อเริ่มฝึกใหม่ ๆ ให้สวดมนต์ไหว้พระ แล้วเดินปะคำ เพื่อให้ “ใจ” สงบ พร้อมก่อน ความรู้สึก คือ “ใจ” จะกำหนดเราเองว่าพร้อมหรือยัง?
      ๒. เมื่อพร้อม “ให้รักษาอารมณ์ และ ความรู้สึกว่าพร้อมนั้นไว้” แล้ววางปะคำลง (เพราะไม่ต้องใช้แล้ว)
      ๓. หยิบหินอัญมณี ขึ้นมาวางไว้บนฝ่ามือขวา ซึ่งอยู่ในลักษณะสมาธิ คือจะอยู่บนของมือซ้าย และขาที่เราขัดสมาธิ
      ๔. นำลมเข้าไปที่ ปถวีธาตุ เมื่อสุดลมเข้า ให้เลื่อนลมด้วยความรู้สึกมาไว้ที่มือ ซึ่งมีหินอัญมณีอยู่ ใช้ “ใจ” สัมผัสหิน ให้ภาพหินอยู่ในใจ พร้อมความรู้สึก
    ๕. ขยายภาพหินอัญมณีในใจให้ใหญ่ขึ้น ซึ่งบางท่านอาจเป็นลักษณะของ Votex คือหมุนวน หรือแสงเส้นคล้ายฟ้าแลบ ให้ปล่อยใจสะบายๆ ตามเข้าไป (ลักษณะนี้ ไม่เกี่ยวกับการตั้งลม ไม่ต้องห่วงว่าลมจะออกทางจมูก หรือหายใจหรือไม่ ให้เอาความรู้สึกทั้งหมดมาจับที่หินอัญมณี ให้ในและอารมณ์ระลึกภาพหินเป็นนิมิต(มนสิกาโร ฉนฺทลกฺขณา …… มนสิการมีการยึดนิมิตเป็นลักษษณะ)
    ๖.ระลึกรู้อารมณ์ ที่ตามลึกเข้าไปในหินอัญมณี ว่ามีลักษณะอย่างไร แตกต่างกับตอนเริ่มแรกอย่างไร
     ๗.ตอนก่อนที่จะเลิกฝีก ต้องจำอารมณ์ครั้งสุดท้ายให้ได้ ว่ามีลักษณะอย่างไร เพื่อครั้งต่อไป จะได้ระลึกอารมณ์นี้มาปฏิบัติต่อได้เลย ไม่ต้องเริ่มต้นใหม่

::: หมายเหตุ
    การปฏิบัติกับหิน อัญมณี โบราณวัตถุ จะทำได้ง่ายเพราะเป็นสิ่งจับต้องได้เรียกว่า “รูป ที่เป็นปถวีธาตุ” เป็นการฝึกอตีตภวังคะ ซึ่งเราก็มีอยู่แล้วเป็นธรรมชาติของการเปลี่ยนสภาวะจิต
    ซึ่งเมื่อเราฝึกกับหิน หรือวัตถุได้แล้ว เราก็สามารถฝึกกับสิ่งมีชีวิต เช่น ต้นไม้ สัตว์ และคน เพียงแค่สัมผัส ก็สามารถรับรู้เรื่องราวได้ เหมือนการเสียบหลอดไฟสีอะไร(สิ่งที่เราสัมผัส) ไฟก็จะติดตามสีนั้น เพราะหลอดไฟฟ้าจะออกสีเมื่อมีกระแสไฟฟ้าวิ่งครบวงจร เช่นเดียวกัน ประจุไฟฟ้าชีวภาคของเรา ก็สามารถกระตุ้น และเชื่อมต่อข้อมูลได้ ด้วยประการฉฉะนี้

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS