อัครมหาเศรษฐีจันทรา ผู้เปลี่ยนชีวิตด้วยพลังพุทธานุภาพ







อนุสนธิจากการบรรยายธรรม ในวันสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีสาธุชนหลายท่านเกิดข้อสงสัยคล้ายคลึงกันว่า "ปฏิบัติสมาธิ ตามพุทธวิถี สติปัฏฐาน-ปฏิสัมภิทามรรค จะสามารถเปลี่ยนชีวิต เปลี่ยนฐานะ จากเดิมให้ดีขึ้น จริงหรือ ?

       ต้องขอบคุณสาธุชน สำหรับคำถาม ทำให้ผู้ที่มีคำถามคาใจ ยังไม่กล้าปฏิบัติ เพราะคิดว่าเป็นเรื่องเหลวไหล เป็นไปไม่ได้ ที่จะสามารถเปลี่ยนชีวิต เปลี่ยนพันธุกรรม(เปลี่ยนDNA…ซึ่งเป็นวิทยาศาสตร์) ด้วยอำนาจของพลังสมาธิ จึงต้องนำหลักฐาน พยานบุคคล ที่ปฏิบัติใช้พลังสมาธิ พร้อมศรัทธาในพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เปลี่ยนชีวิตจากคนที่เรียนไม่จบ ไร้อนาคต เป็นหนี้สินล้นพ้นตัว กลายเป็นอัครมหาเศรษฐี ของโลก มาให้ศึกษากัน

        มหาเศรษฐีชาวอินเดียวัย 61 ปีนาม “สุภัช จันทรา” ผู้มีสินทรัพย์ ในครอบครองราว 160,000 ล้านบาท เจ้าของกิจการเครือข่ายโทรทัศน์ Zee TV ที่มีผู้ชม 500 ล้านคนต่อวัน และเจ้าของ Esselworld and Water Kingdom สวนสนุกและสวนน้ำที่ใหญ่ที่สุดของอินเดีย ได้ทุ่มทุน 750 ล้านรูปี (ราว 500 ล้านบาท) เพื่อสร้างศูนย์วิปัสสนาที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งมีชื่อว่า เจดีย์วิปัสนาสากล (Global Vipassana Pagoda) ซึ่งเป็นเจดีย์สีทองขนาดมหึมา ตั้งโดดเด่น เป็นสง่าท่ามกลางแมกไม้ในหมู่บ้านโกไร เมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย

จันทราเกิดและเติบโตในครอบครัวที่มีเครือญาติช่วยกันทำการค้า ภายในหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่งทางตอนเหนือของอินเดีย ต่อมาครอบครัวของเขาค้าขายขาดทุน เกิดภาระหนี้สินล้นพ้นตัว  จึงต้องแยกย้ายกันไป จันทราต้องออกจากมหาวิทยาลัยกลางคัน เพราะไม่มีเงินเรียน  เวลานั้นเขาเหลือเงินติดกระเป๋าไม่ถึง 30 บาท ขณะมุ่งหน้าสู่กรุงนิวเดลีเพื่อทำงานหาเงินมาช่วยใช้หนี้ ให้ครอบครัวซึ่งขณะนั้นอยูษในฐานะยากจน เขาใช้ชีวิตไม่มีจุดหมาย ไร้อนาคต






     ที่นิวดลลี จันทราได้พบลามะ(พระธิเบต) ได้ถ่ายทอดการปฏิบัติสมาธิ การกำหนดภาพชีวิต และธุรกิจ ทำให้เขาเริ่มจับงานด้านธุรกิจ และไม่นานเขาก็สามารถ หาเงินก้อนใหญ่ได้จากการค้าข้าว เขาจึงย้ายไป ที่เมืองมุมไบ เพื่อตั้งโรงงานเล็กๆผลิตหลอดลามิเนทบรรจุผลิตภัณฑ์ ต่อมาในช่วงสงครามอ่าวเปอร์เซีย จันทราได้เปิดสถานีโทรทัศน์ซีทีวี (Zee TV) ซึ่งเป็นโทรทัศน์ดาวเทียมแห่งแรกของอินเดียในปี 1992 ตอนนั้นครอบครัวของเขากังวลว่า เขาจะต้องสูญเสียธุรกิจเดิมที่สร้างมากับมือไป แต่สำหรับจันทรา เขามั่นใจในพุทธานุภาพ เขากล่าวกับเพื่อนอย่างมั่นใจว่า "เขามีเทวดาประจำตัว เทวดาจะไม่ทิ้งผู้ปฏิบัติชอบ และพระพุทธเจ้าจะนำเขาไปสู่ความสำเร็จ"






อโศก คูเรียน เพื่อนผู้ร่วมก่อตั้งซีทีวี เล่าว่า มันเหมือนการเดินเข้าสู่หุบเขาแห่งความตาย ยุคนั้นยังไม่มีสถานีโทรทัศน์ของเอกชน เพราะทางการไม่ให้ใบอนุญาต ดังนั้น จันทราจึงไปเปิดสถานีที่ฮ่องกงแทน รัฐบาลอินเดียได้เรียกตัวเขาไปสอบสวนหลายครั้ง และให้ปิดสถานี แต่จันทราปฏิเสธ แม้ในช่วงเริ่มต้นเขาต้องสูญเงินเดือนละ 180 ล้านบาทก็ตาม






  ในตอนนั้น จันทราได้รับการแนะนำให้รู้จักอาจารย์ผู้สอนสมาธิชาวอินเดีย ซึ่งได้ชักชวนให้จันทราเข้าปฏิบัติสมาธิ ซึ่งเป็นแนววิทยาศาสตร์เป็นครั้งแรก “สุชีลา” ผู้เป็นภรรยาได้สนับสนุนให้สามีลองปฏิบัติสมาธิเพื่อล้างพิษจากความเครียดที่มีอยู่ จันทราได้เข้าปฏิบัติต่อยอดจากที่เขาได้ เรียนรู้และปฏิบัติอยู่เดิม

       เนื่องจากเขามีพื้นฐานการปฏิบัติสมาธิจากลามะธิเบตมาก่อนแล้ว ทำให้เขาก้าวหน้าในการปฏิบัติเร็วขึ้น คอร์สแรกสำหรับเขาใช้เวลาเพีง 10 วัน ให้ผลดีมากกว่าแค่การขจัดความเครียด เพราะเมื่อจันทรากลับไปทำงาน เพื่อนร่วมงาน สังเกตได้ถึงความคิดของเขาว่า “แหลมคมเหมือนใบมีด” และเมื่อเรื่องงานทำให้เขารู้สึกเครียดมากขึ้น เขาก็ยังคงไปเข้าคอร์สปฏิบัติสมาธิอยู่เสมอ และแม้จะมีเรื่องงานมากมายให้สะสาง ที่ทำให้เขาไม่อาจหยุดได้ เขาก็จะพักงานไว้ก่อน และเลือกที่จะปฏิบัติ

 “บ่อยครั้งที่มีเรื่องทำให้ผมไปเข้าคอร์สปฏิบัติสมาธิไม่ได้ แต่ผมก็ยังไป” จันทราพูด อโศก คูเรียน เล่าว่า ช่วงปีแรกๆของการก่อตั้งซีทีวี เขารับไม่ได้กับการหายตัวไปของจันทราบ่อยครั้ง เรามักมีปัญหาที่ไม่ซ้ำกัน 40 เรื่องประดังเข้ามาพร้อมๆกัน แล้วจันทราก็หายตัวไปขณะที่เรายุ่งกับการแก้ปัญหา แต่แล้วเขาก็จะกลับมาในสภาพที่ได้ไปเติมพลังชาร์จแบตมาอย่างดี          

กว่า 20 ปีที่มหาเศรษฐี ชาวอินเดียได้เรียน การทำสมาธิสอนให้ผมมีจิตใจสงบนิ่งในทุกๆสถานการณ์ของชีวิต ซึ่งช่วยผมเป็นอย่างมากในเรื่องธุรกิจ โดยเฉพาะในยามวิกฤต ผมค้นพบว่า การทำสมาธิแบบนี้ เป็นไปตามหลักทางวิทยาศาสตร์ พิสูจน์ได้ และผมรู้สึกว่า มันเป็นหนทางที่เหมาะสำหรับผม

จันทราบอกว่า การทำสมาธิ ช่วยให้เขาประสบความสำเร็จ ทางธุรกิจจนร่ำรวยมหาศาล เขาจึงพยายามชักชวนคนในครอบครัวไปเข้าคอร์สปฏิบัติสมาธิแบบวิทยาศาสตร์ และยังสนับสนุนให้พนักงานซีทีวี ลางานโดยได้รับเงินเดือน เพื่อไปเข้าคอร์สวิปัสสนา แต่มีไม่ถึง 15% ที่ลางานไป มหาเศรษฐีใหญ่พูดอย่างอารมณ์ดีว่า “มันไม่ได้อยู่ในชะตาลิขิต แต่เราสามารถกำหนดชีวิตของเราเองได้”






ในปี 1997 จันทราได้ยกที่ดินราว 33 ไร่ มูลค่า 150 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างศูนย์ปฏิบัติสมาธิที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยจำลองแบบมาจากมหาเจดีย์ชเวดากองของพม่า






“ผมได้รับประโยชน์มากมายจากการทำสมาธิ จึงอยากให้คนอื่นๆได้มีโอกาสเข้าร่วมในประสบการณ์นี้เช่นกัน” จันทรากล่าวขณะนั่งในห้องทำงานที่สำนักงานใหญ่ของเอซเซิล เขามีท่าทีสงบนิ่งเช่นเดียวกับภาพวาดองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่แขวนอยู่ด้านหลังโต๊ะทำงานของเขาจันทราเข้ามาดูแลการก่อสร้างเจดีย์ดังกล่าวทุกขั้นตอน เขาขับรถนาน 2 ชมจากที่ทำงานไปยังเขตก่อสร้างเพื่อตรวจสอบ ความคืบหน้าสัปดาห์ละ 2 ครั้ง “นี่เป็นสิ่งก่อสร้างที่มีลักษณะเฉพาะ เพื่อให้อยู่ได้นานถึง 2,000 ปี” จันทราบอก






เมื่อเจดีย์สร้างเสร็จสมบูรณ์ในปีค.ศ. 2008 มหาเศรษฐีหนุ่มใหญ่ ก็ได้จัดพิธีเฉลิมฉลอง โดยอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ ไปประดิษฐาน ณ ยอดโดมที่ใหญ่ที่สุด หลังการเฉลิมฉลองเจดีย์วิปัสสนาแล้ว จันทราได้ส่งมอบการบริหารกิจการทั้งหมดให้บุตรชายคนโต และในปีถัดมา เขาได้ก้าวลงจากตำแหน่ง ประธานมูลนิธิวิปัสสนาสากล แต่ยังคงเป็นผู้ดูแลทรัพย์สินและปฏิบัติสมาธิเป็นประจำทุกวัน เขาบอกว่า  “ผมสามารถทำสมาธิได้ทุกที่ ทุกเวลา แม้ขณะกำลังพูดคุยอยู่กับคุณ เพราะสมาธิ ก็คือลมหายใจของคุณเอง”






การเปลี่ยนแปลงชีวิตของ "อัครมหาเศรษฐีจันทรา" นั้นมาจากการปฏิบัติสมาธิล้วนๆ เขาได้กำหนด“อาปานสติกมฺมฐาน”แห่งความสำเร็จ ให้ปรากฏอยู่ในใจ เขามีความมั่นคงและศรัทธาในพุทธานุภาพอย่างเชื่อมั่น ว่ามีพลังที่สามารถเปลี่ยนชีวิตของเขา ให้ก้าวขึ้นจากหุบเหวแห่งความยากจน จากหนี้สิน และความค่นแค้น สู่ความสุขอันเจิดจ้าล้อมรอบไปด้วยความสำเร็จ สิ่งต่าง ๆ ที่เขาได้สร้างขึ้นมาล้วนแล้วแต่สำเร็จด้วยพลังสมาธิ ที่เขาได้ผ่านบททดสอบ แต่ละเรื่อง แต่ละขั้นตอน แม้บางคราวต้องใช้ชีวิตแลกกับความสำเร็จ ทั้งนี้เพราะเขารู้บทสรุปได้ดีว่า ไม่มีพลังใดจะมีอำนาจเหนือกว่าพุทธานุภาพ เป็นพลังอันไร้ขีดจำกัด สามารถพิสูจน์ทดสอบ และนำมาใช้ได้อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่เป็นความงมงายไร้เหตุผล






  อัครมหาเศรษฐีจันทรา ได้พิสูจน์ให้ชาวโลกยุคปัจจุบันได้เห็นว่า "พลังพุทธานุภาพ มีอยู่จริง สามารถพิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์ สามารถกำจัดทุกข์ กำจัดภัย และความยากจนหนี้สิน เปลี่ยนชีวิตได้จริง และการเชื่อมต่อระหว่างมนุษย์กับพุทธานุภาพนั้น สามารถเชื่อมประสานได้ด้วย "สมาธิ" เท่านั้น











สาธุชนผู้ประกอบด้วยกุศลจิต มุ่งหาหนทางแห่งการปฏิบัติชอบ พร้อมหรือยังที่จะเปลี่ยนชีวิต และฐานะ จากความตรากตรำลำบาก ยากจน ทนทุกข์ ก้าวสู่ความสำเร็จที่เป็นรูปธรรม สามารถแตะต้องได้ ถามใจคุณดูซิว่า ยังยินดีพอใจ ในสภาพชีวิตเดิมอยู่อีกหรือ หากคุณเปลี่ยนมันได้……




  ด้วยพลังแห่งพุทธานุภาพ ขอความผาสุขสวัสดี สมปรารถนา เจริญก้าวหน้าในธรรมะ-ปฏิบัติ จงบังเกิดแก่ทุกท่านโดยพลัน ถ้วนทั่วกันเทอญ ฯ






  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

0 ความคิดเห็น: