ภาพพระพุทธเจ้า






เมื่อเช้าวันนี้ได้รับเอกสารจากสาธุชน คุณJeep สมาชิกปฏิสัมภิทาฯ ได้ส่งมา จึงได้เรียบเรียง และนำมาให้สาธุชนทุกท่านได้ศึกษา-ค้นคว้ากันต่อไป




จากภาพที่ได้นำขึ้นมาเป็นปก เชื่อมั่นว่าหลายๆ ท่านคงได้เห็นผ่านตามาแล้วหลายปี แต่คงมีไม่กี่ท่านที่จะทราบประวัติความเป็นมาของ
 "ภาพพระพุทธเจ้า"  
ดังกล่าวนี้ มีประวัติและความเป็นมาอย่างไร ซึ่งแน่นอนอย่างยิ่งหาเป็นภาพที่จินตนาการเขียนขึ้นมา ก็คงไม่น่าจะประหลาดมหัศจรรย์อะไร แต่ที่มาของ "ภาพพระพุทธเจ้า" ดังกล่าวมีที่มา ชนิดไม่ธรรมดา ดังนี้


เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2523 ได้มีฝรั่งชาวอังกฤษท่านหนึ่งชื่อ นายแพทย์เบอร์นาร์ด ได้มาเที่ยวที่ประเทศอินเดียและได้มาพบเห็นประเพณีโบราณหลายอย่าง บางอย่างก็ดูทารุณโหดร้าย บางอย่างก็สกปรก บางอย่างล้าสมัยแบ่งชนชั้นเหยียดหยามกัน นึกตำหนิอยู่ในใจ





เมื่อได้เที่ยวมาถึงพุทธคยา ได้มาชมประเพณีเวียนเทียนวันวิสาขบูชาที่ เจดีย์พุทธคยา ได้เห็นประชาชนเวียนเทียนกราบไหว้ต้นโพธิ์ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเคยประทับนั่งตรัสรู้ก็นึกตำหนิในใจว่า ประชาชนพวกนี้โง่มากขนาดกราบไหว้ต้นไม้ได้ 


ครั้นสอบถามได้รับคำตอบว่าเป็นต้นโพธิ์ที่ประทับนั่งตรัสรู้ของเจ้าชายสิทธัตถะในครั้งแรกทำให้เกิดศาสนาพุทธขึ้น ฝรั่งผู้นี้ก็นึกในใจว่าเรื่องเจ้าชายสิทธัตถะเป็นเพียงนิยายที่แต่งขึ้นมาให้นับถือเท่านั้นไม่ใช่เรื่องจริง นึกเหยียดหยามชาวพุทธอยู่ในใจว่าโง่เง่างมงาย แต่ไม่พูดอะไรกลัวมีเรื่อง


ครั้นกลับที่พักแล้วตอนดึกของคืนนั้นนอนหลับฝันไปว่าตนเองได้ย้อนกลับมาที่พุทธคยานี้อีก แต่เห็นสถานที่เป็นป่าแปลกตาออกไป เห็นต้นโพธิ์ใหญ่มีพระนั่งอยู่องค์หนึ่งมีรัศมีงดงาม


จึงได้เข้าไปถามว่าท่านเป็นใคร มานั่งที่นี่ทำไม ได้รับคำตอบว่าเราชื่อพระสิทธัตถะ สละราชสมบัติมาบวชและได้เคยมานั่งค้นคว้าพระธรรมที่นี่จนได้ตรัสรู้ ฝรั่งสงสัยจึงย้อนถามว่า เจ้าชายสิทธัตถะมีจริงหรือ ทรงตอบว่าใช่ เจ้าชายสิทธัตถะมีจริง ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าจริง ณ โคนต้นโพธิ์นี้เป็นที่แรกตรัสรู้ของเรา

แต่หมอร์เบอร์นาดไม่เชื่อเพราะไม่เคยศึกษาเรื่องนี้มาก่อนเลย เพราะเก่งทางวิทยาศาสตร์แต่ท่านไม่ได้เก่งเรื่องธรรมะ ถ้าหมอเบอร์นาดได้ศึกษาธรรมะก็จะรู้ได้ และจะไม่ไปตำหนิคนอื่นเขาอย่างนี้อีก สิ่งใดที่เราไม่เคยเรียนไม่เคยรู้ไม่เคยค้นคว้าศึกษามาก่อน แล้วจะไปว่าคนที่เขาศึกษาค้นคว้าโง่เง่าอะไรนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

ถ้าท่านได้ศึกษาแล้วพิสูจน์แล้วหากปรากฏว่าเหลวไหลไร้สาระจริงจึงประณามก็สมควรทำ ท่านไม่ศึกษาเลยแล้วมาประณามเช่นนี้เป็นสิ่งไม่ควรทำ เป็นสิ่งที่ไม่ยุติธรรม อาจผิดพลาดได้ 


ในฝันของหมอเบอร์นาดคิดในใจว่าถ้าตนเอากล้องถ่ายรูปมาจะถ่ายภาพพระสิทธัตถะองค์นี้ออกอวดชาวโลกว่าเจ้าชายสิทธัตถะมีจริง จะได้แก้ข้อสงสัยของชาวโลกได้ แต่ในฝันตนลืมกล้องถ่ายรูปไป ได้สนทนาได้รับคำตอบที่ถูกใจมากจนลากลับและได้ตื่นขึ้นในตอนเช้า





ครั้นตื่นแล้วติดใจในความฝัน ลุกขึ้นมาค้นหากล้องถ่ายรูปคิดว่าจะไปถ่ายรูปนี้มาให้ได้ ครั้นอาบน้ำรับประทานอาหารแล้วได้ไปซื้อฟิล์มมาใหม่1 ม้วน ใส่กล้องออกเดินทางมาที่พุทธคยานี้อีกครั้ง ตั้งต้นถ่ายรูปไปทีละฟิล์มรอบต้นโพธิ์ นึกในใจว่า เจ้าชายสิทธัตถะมีจริงหรือ ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าจริงหรือ

นั่งตรงไหนจึงได้ตรัสรู้ ถ้าจริงขอให้ติดสักภาพเถิดจะได้ไปอวดเขาได้ว่าพระสิทธัตถะมีจริง ได้ถ่ายรอบต้นโพธิ์ทุกแง่ทุกมุมเสร็จแล้วถอดฟิล์มให้ช่างล้างให้ ปรากฏว่าได้มาภาพเดียวคือภาพนี้ ภาพที่ถ่ายมาด้วยกันไม่ติดอะไรเลยแม้กระทั่งต้นหญ้า ทั้งนี้เพราะฝรั่งตั้งใจขอภาพเดียวจึงได้ภาพเดียว





ครั้นได้แล้วก็ดีใจกลับประเทศของตน อวดลูกอวดเมียก็ไม่เชื่อ อวดใครก็ไม่เชื่อ ซ้ำยังถูกว่าโง่เง่าเชื่อในสิ่งเหลวไหลอีก จึงได้เก็บใส่กระเป๋าคงอยู่ในอัลบั้มอย่างนั้นไม่ได้อวดใครอีกต่อไป ฝรั่งผู้นี้ไม่รู้ว่าการปิดภาพบุคคลที่ทำบุญบารมีมาเพื่อโปรดสัตว์ ทำบารมีมามากมายหลายร้อยหลายพันชาติจนได้เป็นพระพุทธเจ้าโปรดโลกได้จริงเช่นนี้เป็นบาป อย่างน้อยที่สุดใส่กรอบแขวนไว้ข้างฝาก็จะพ้นบาป ไม่ผิดสัจจะที่ขอมาว่าจะให้ชาวโลกเขาดู 


เมื่อผิดสัจจะอย่างนี้. หมอเบอร์นาดผู้นี้จึงประสบวิกฤติส่วนตัวชีวิตผกผวนอย่างมากผิดหวังในชีวิตหลายอย่างจนรู้สึกสิ้นหวัง ได้คิดถึงคำสอนของพระสิทธัตถะที่ว่าให้ทดลองศึกษาธรรมะดูบ้าง เพราะวิทยาศาสตร์ศึกษาจนจบแล้ว ได้ตัดสินใจหิ้วกระเป๋าใบเก่ากลับมาขอบวชอยู่ที่วัดพุทธคยา 


เมื่อคนไทยไปเที่ยวคนที่พูดภาษาอังกฤษได้ ได้ไปสนทนากับท่าน ถามท่านว่ามีเหตุอะไรจึงได้มาบวช ท่านได้เล่าให้ฟังโดยตลอดและได้นำภาพนี้มาอวดอีก คนไทยได้อ้อนวอนขอท่านมาเมื่อมาถึงเมืองไทยก็ได้อัดแจกกันตามประสาชาวพุทธ 


ขอน้อมบูชาแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์นั้น ด้วยเศียรเกล้า
ภาพที่หมอเบอร์นาดถ่ายมาได้. ก็คือภาพขาวดำที่ปรากฏข้างบนนั้นเอง



และภาพดังกล่าวนี้. ชาวพุทธไทยที่ได้ไปพุทธคายา อินเดีย ได้นำมาพิมพ์แจกกันแพร่หลายไปทั่วในประเทศไทยตราบเท่าปัจจุบันนี้



Source Credit ::  Jeep

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS