ความเหมือนที่แตกต่าง ความคิดบวก กับ อธิษฐาน (คำสอนพระอาจารย์ธรรมบาล 6 มกราคม 2559)





::: ความเหมือนที่แตกต่าง::::






ในสังคมOnline  ที่ฮือฮาน่าสนใจกันตอนนี้ สำหรับคนชอบสิ่งแปลกใหม่ในทางปฏิบัติ เห็นจะได้แก่เรื่อง "สุดยอดสมองของการคิดบวก".      อันมีเนื้อหาว่า 

"... พวกเราเคยสงสัยบ้างมั้ย? บางคนหยิบจับอะไร..ก็เป็นเงินเป็นทองไปหมด ร่ำรวยง่ายเหลือเกิน ..   ในขณะที่บางคน.กลับมีเงินแค่พอใช้เดือนชนเดือน..ลงทุนทำอะไรก็เจ๊งไม่เป็นท่า ..   คนสองกลุ่มนี้มีอะไรต่างกัน ระหว่าง  ..   ~ การศึกษา  ~ สติปัญญา ~ ประสบการณ์ ~ จังหวะเวลา ~ ลักษณะนิสัย ~ โอกาส ~ ดวง หรือ ความเฉียบคมในการตัดสินใจ?? คำตอบ คือ...ไม่ใช่สักอย่าง ?? แล้วความลับอยู่ที่อะไรหล่ะ?? ดูคลิ๊ปนี้... 


สำหรับผู้ที่ไม่เคยทราบ หรือ ไม่เคยปฏิบัติ "สติปัฏฐาน-ปฏิสัมภิทามรรค" มาก่อน ก็จะยอมรับว่าเยี่ยมยอดจริง ๆ 

      แต่เมื่อนำไปเทียบกับ "การอธิษฐาน" อันเป็นการปฏิบัติขั้นต้นของ "สติปัฏฐาน-ปฏิสัมภิทามรรค" จะเห็นความต่างได้ชัดเจนยิ่ง คือ "ความคิดบวก" ตามคลิปที่นำมาเป็นตัวอย่างนี้ ไม่สามารถที่จะกำหนด วันเวลา เหตุการณ์ ที่ปรารถนาให้เกิดขึ้น ตามประสงค์ได้ 

   ทั้งนี้เพราะผู้ผ่านการปฏิบัติ "สติปัฏฐาน-ปฏิสัมภิทามรรค" กำหนดเวลา สถานที่ เหตุการณ์ รวมทั้งสิ่งที่ปรารถนา ให้เกิดขึ้นได้อย่างเป็นขั้นตอน และพิสูจน์ได้ ไม่มีฟลุ๊ค ซึ่งเรียกว่า "อธิษฐาน"

เพราะ "คิด" เป็นระดับของ "จิต" เปรียบเสมือน "เชิงเขา" แต่ "อธิษฐาน" เป็นระดับของ "ใจ" เปรียบเสมือน "ยอดเขา" ผลลัพท์ที่ได้จึงแตกต่างกัน การเดินขึ้นยอดเขาต้องใช้ความมานะพยายามไปให้ถึงยอด นั่นคือต้องประกอบ. "วิริยะ" ความเพียรปฏิบัติ รักษา "นิมิต(ภาพที่ปรารถนา)+อารมณ์+ปิติ"(ระลึกรู้อารมณ์) นำไปตั้ง(ฐาน) และรักษาไว้ นี่คือลักษณะ ของความแตกต่าง





:::: ตัวอย่างการอธิษฐาน รักษาโรคร้าย เช่น มะเร็ง ::::





ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับการเจริญสติ.....


 Prof. Elizabeth Blackburn, Ph.D. นักชีวโมเลกุลได้รับรางวัลโนเบลจากการค้นพบเอนไซม์ทีโลเมอร์เรสยืนยันว่าการเจริญสติอย่างต่อเนื่องมีผลต่อร่างกายในระดับเซลล์ ช่วยรักษาโรค ชะลอวัย และทำให้อายุยืน

ปัจจุบันนี้ มีงานวิจัยที่ น่าสนใจ และเป็นที่ กล่าวขวัญกันอย่างมากในหมู่นักวิจัยเรื่องคนสูงอายุก็คือเรื่องของหน่วยพันธุกรรมของคนเรา ที่เรียกว่า “โครโม โซม”ซึ่งเป็นตัวควบคุม ลักษณะทางร่างกายและการทำงานของระบบต่างๆในร่างกาย

โครโมโซมมี 23 คู่ 46 อัน เราลองนำเอามา 1 คู่มาดูดังภาพ จะเห็นว่า 1 คู่มี 2 อันเชื่อมติดกัน ตรงปลายสายโครโมโซม จะมีลักษณะคล้าย หมวกคลุมอยู่ (สีแดง ในภาพ) เรียกว่า ทีโล เมียร์(Telomere) เวลา เซลแบ่งตัว เจริญเติบ โตขึ้นทุกๆปี ทีโลเมียร์ จะสั้นลง 

ในคนหนุ่มสาวทีโลเมียร์จะยาวกว่าคนสูงอายุ ทีโลเมียร์จะเป็นตัวป้องกันปลายสายโครโมโซมต่ออนุมูลอิสระต่างๆ ที่จะมาทำลาย ถ้าไม่มี ตัวนี้ปลายสายจะบานออก และจะเชื่อมติดกับ ปลายสายอันอื่น ทำให้ สูญเสียหน้าที่และแตกสลายไป

ทีโลเมียร์เปรียบเหมือนปลอกพลาสติกที่หุ้มปลายเชือกผูกรองเท้า ซึ่งช่วยป้องกันไม่ให้ปลายบานออก เวลาสน ปลายเชือกเข้ากับรูของรองเท้าก็จะสะดวกง่ายดาย แต่ถ้าไม่มีปลอก พลาสติกหุ้ม ปลายสาย เชือกจะบานออก ก็จะ  ใช้งานไม่ได้ ทีโลเมียร์ ที่สั้นลง หมายความว่า อายุของเราก็สั้นลงด้วย 

แต่ธรรมชาติก็สร้างเอนไซม์ตัวหนึ่งที่จะมาช่วยให้ดำรงสภาพความยาวของทีโลมียร์เอาไว้ เรียกว่า เอนไซม์ทีโล เมอร์เรส(Telomerase) เอนไซม์ตัวนี้ช่วยทำ ให้ทีโลเมียร์ไม่สั้นลงเร็วเกินไป เซลปกติแบ่ง ตัวแต่ละครั้งมันจะสั้นลงบ้าง จำนวนครั้งของ การแบ่งตัวก็มีจำกัด นั่นหมายความว่าถ้าเอนไซม์ตัวนี้ทำงานได้ดี เราก็จะมีอายุยืน แต่ถ้า เอนไซม์ตัวนี้ทำงานได้น้อยลง อายุเราก็จะสั้น ลง

ผู้ที่ค้นพบเอนไซม์ตัวนี้ คือ ดร.อลิซาเบท แบล็คเบิร์น (Elizabeth Black burn) เธอเป็นศาสตรา จารย์ด้านชีวโมเลกุล อยู่ที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซานฟรานซิส โก (UCSF)จากผลงาน การค้นคว้าเรื่องนี้ เธอ และคณะได้รับรางวัลโนเบล สาขาสรีรวิทยา ทางการแพทย์ในปี 2009

งานวิจัยของ ดร. แบล็คเบิร์นพบอีกว่า ภาวะทีโลเมียร์สั้นลงมีความสัมพันธ์กับโรคต่างๆ คือ โรคมะเร็ง โรคติดเชื้อ โรคหัวใจ โรคเบาหวาน ภาวะดื้อ ต่ออินซูลินภาวะสมองเสื่อม โรคอ้วน และใน ภาวะความเครียดเรื้อรัง

ในเซลล์ปกติ ความ สามารถในการแบ่งตัวของเซลล์ จะถูกจำกัด โดยความยาวของทีโลเมียร์ พบว่า ทีโลเมียร์ จะสั้นลงทุกครั้งที่เซลล์แบ่งตัว และเมื่อมีการ แบ่งตัวหลายๆครั้งจน ทีโลเมียร์สั้นถึงระดับหนึ่งแล้วเซลล์ก็จะตายลง

ในเซลล์มะเร็งมันสามารถจะแบ่งตัวได้โดยไม่จำกัด มากกว่าร้อยละ 90 ของเซลล์มะเร็งจะ มีการสร้างและการทำงานของเอนไซม์ทีโลเมอร์เรสผิดปกติ เราสา มารถตรวจพบในชิ้นเนื้อที่เป็นมะเร็ง และใน เซลล์ที่เผชิญกับสารอนุมูลอิสระ ทีโลเมียร์จะ สั้นลงเร็วกว่าเซลล์ปกติ

ดร.อลิซาเบท แบล็ค เบิร์น ได้ทำการศึกษา ทดลองโดยให้อาสาสมัคร 30คนฝึกเจริญสติ ในสถานที่ฝึกสมาธิในรัฐโคโลราโด วันละ 6 ชั่วโมง นานต่อเนื่อง เป็นเวลา 3 เดือน วิธีการคือการทำจิตให้รู้ตัวทั่วพร้อมอยู่กับปัจจุบันขณะด้วยการเฝ้าดู ลมหายใจและการเจริญเมตตาภาวนา

หลังจากสามเดือนผ่านไปเธอพบว่าการทำงานของเอนไซม์เทโล เมอเรสของอาสาสมัครทำงานได้ดีขึ้นโดยเฉลี่ยถึง 
30 เปอร์เซ็นต์ ทั้งยังเพิ่มปริมาณการหลั่งเอนไซม์ดังกล่าวขึ้นด้วย ซึ่งเป็นปัจจัยที่ เอื้อต่อการชะลอวัยและการมีอายุยืน

ยิ่งวิทยาศาสตร์เจริญก้าวหน้ามากเท่าไหร่ ยิ่ง จะช่วยพิสูจน์คำสอนของพระพุทธเจ้าได้ชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น เรื่อง นี้เป็นเรื่องใหม่ที่น่าสนใจความเข้าใจเรื่อง ทีโลเมียร์นี้จะทำให้นักวิทยาศาสตร์ค้นพบต่อไปถึงการทำให้คนอายุยืนขึ้นได้

คำบรรยายของ ดร. อลิซาเบท แบล็คเบิร์น ใน
 https://youtu.be/5PU_jZwt8KY ( มี 3  part)

ในกรณีนี้ได้สอนไปแล้วในช่วงพรรษาที่ผ่านมา(7กค-10ตค.2558) เรื่อง RNA-DNA ในพระพุทธศาสนา พระพุทธองค์ทรงสอนวิธิปฏิบัติในการรักษาโรคที่ได้ผลจริงไว้ด้วย เรียกว่า "ธรรมโอสถ" (ธรรมะ แปลว่า ที่ตั้ง ....โอสถ แปลว่า ยารักษาโรค=ที่ตั้งแห่งการรักษาโรค) ซึ่งได้นำหลักฐานจากพุทธพจน์ มาเทียบกับฟิสิกส์การแพทย์ปัจจุบัน โดยแสดงให้เห็นถึงการทำงานของ RNA ที่เปลี่ยนแปลง และสร้างโครโมโซม ตัวใหม่ และยังสามารถBypass DNA สายพันธุกรรมได้ด้วย(มีSlide) พร้อมทั้งมีพยานหลักฐานตัวอย่างผู้ปฏิบัติ  หายจากโรคมะเร็ง โรคหัวใจ และโรคร้ายอื่น ๆ ได้ผลจริง 

จะเห็นได้ว่า การปฏิบัติ ฆสติปัฏฐาน-ปฏสัมภิทามรรค" ที่พระพุทธองค์ มีประโยชน์ยิ่ง ได้ผลจริง และก้าวหน้ากว่าฟิสิคส์การแพทย์ปัจจุบันกว่า 2,558 ปี สมดั่งที่พระพุทธดำรัสที่ตรัสว่า " เอกมคฺโค.... เป็นหนทางเดียวไม่มีทางสายอื่น" ดังนี้ ฯ



  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS