ปฐมบท
เพียงสายตาที่ได้สัมผัสอักษร แน่นอนที่สุดอย่างชนิดเชื่อได้เลยว่า หลาย ๆ ท่านต้องคิดไว้ก่อนเลยว่า ต้องเป็นเนื้อหาที่บรรยายเกี่ยวกับเรื่องธรรมะอย่างแน่นอน... ก็ต้องขอบอกไว้ตรงนี้ก่อนว่า "อย่าเชื่อในสิ่งที่เห็น ... แต่จงเชื่อในสิ่งที่เป็น " เพราะเหตุไร จึงกล่าวเช่นนั้น
ก็เพราะว่าในยุคปัจจุบันที่โลกเจริญพร้อมไปด้วยเทคโนโลยีทันสมัย ไม่ใช่ในยุคเมื่อ 50-100 ปีก่อน ที่มนุษย์โลกยังไม่ต้องแก่งแย่ง แข่งขันกับเวลา แต่ยุคนี้ทุกอย่างต้อง "ทันที" ไม่มีการรอ ทุกอย่างต้องสัมผัสได้ รับรู้ได้ อย่างเป็นรูปธรรม(Physical) สิ่งนั้นก็จะได้รับ "การยอมรับ" หากสิ่งนั้นพิสูจน์ได้ ก็จะได้รับ "การนับถือ" ยกย่องว่ายอดเยี่ยม และหากสิ่งนั้น ๆ พิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์ มีสมการที่สามารถค้นคว้าพัฒนาต่อยอด สามารถนำมาใช้กับชีวิตประจำวัน หรือนำมาประกอบเสริมให้ธุรกิจ และชีวิตของเขาเหล่านั้นดีขึ้น
ดังนั้น เรื่องของธรรมะ หรือ หลักธรรมคำสอน จึงถูกพักไว้ก่อนในยุคปัจจุบัน เพราะต่างมีความคิดอย่างเดียวกันว่า การศึกษา หรือ ปฏิบัตินั้นต้องใช้เวลามาก และที่สำคัญก็มองไม่เห็นว่าจะช่วยให้ชีวิต และธุรกิจดีขึ้นอย่างไร ตัวอย่างเช่น ให้ปล่อย ลด ละ วาง ผู้ที่เป็นนักธุรกิจจะรู้ดีว่า มันปล่อยไม่ได้เพราะธุรกิจต้องใช้การบริหารที่ "ทันที ทันควัน ชนิด Yes, No, OK " ทุบโต๊ะเดี๋ยวนั้น ให้คนอื่นทำก็ไม่ได้ นี่ข้อหนึ่ง
ที่เครียดตัดสินใจไม่ได้ ก็เข้าวัดไปฟังพระเทศนาธรรมบรรยาย พระท่านก็บอกให้ "ปล่อย"
" โธ่...จะปล่อยได้ไง ? ลงทุนไปเป็นพันล้าน ตอนนี้เศรษฐกิจทรุด หุ้นบริษัทก็ตก กลุ้มใจ เรื่องธุรกิจถึงเข้ามาวัด อยากถามหลวงพ่อว่า "มีอะไรที่จะช่วยให้ธุรกิจผมดีขึ้นไหม ?.... ให้หุ้นบริษัทผมขึ้นก็ยังดี ! ... แต่หลวงพ่อก็บอกให้ปล่อย ผมจะปล่อยมันได้ไง ? ... ไป ๆ มา ๆ หลวงพ่อบอกว่าให้ผมทำบุญมาก ๆ ผลบุญจะได้ช่วยให้หุ้นผมขึ้น ผมก็ถวายไปแล้ว 20 ล้านสร้างพระประจำตัว นี่สองเดือนแล้ว หุ้นผมไม่ขึ้นไม่พอ ตอนนี้ดิ่งเหวเลยครับ... "
" เอ่อ... เอ่อ...คุณโยม คงต้องเพิ่มบุญให้มากขึ้นกว่าเดิมอีกนะ.... คือ ต้นเดือนเราจะมีงานบุญ โยมก็ถวายมาเยอะ ๆ จะได้เอาขึ้นไปให้พระพุทธเจ้า ... คราวนี้คงได้สมใจละโยม.... !! "
" เอ..พระพุทธเจ้าปรินิพพาน ไปตั้ง 2558 ปีแล้ว !! อ้าว... แล้วหลวงพ่อจะเอาเงินไปถวายพระพุทธเจ้าได้ไง ? " นักธุรกิจ คิดในใจ(คิดดังไม่ได้ เพราะอาจไม่ได้เดินออกวัด )
ภาพซ้ำซ้อนที่เหมือนฉายหนังเก่าวนไปมา คือ นักธุรกิจ และ คนส่วนใหญ่ ในปัจจุบันที่เดินเข้าวัด ก็เพื่อหาความสบายใจ(ชั่วขณะ) และออกจากวัดมาก็กลับสู่สภาวะดิ้นรนเหมือนเดิม
คำถามคือ.... ธรรมะ หรือ แนวทางปฏิบัติ ที่เขาเหล่านั้นได้รับรู้ สัมผัส ไม่อาจช่วยในการดำรงชีพ หรือ ธุรกิจ ให้ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ หรือเป็นไปตามปรารถนา ไม่ได้จริงหรือ ?
ถ้าจริง ต้องพิสูจน์ผล หรือ ถอดสมการที่เป็นวิทยาศาสตร์ อย่างเห็นประจักษ์ได้ นั่นหมายถึง "ต้องสัมผัส แตะต้องได้อย่างเป็นรูปธรรม(Physical) ไม่ใช่เป็นเพียงการปลอบใจ ให้คิดฝันเพื่อความสบายใจชั่วครั้งชั่วคราว
และด้วยเหตุดังกล่าวข้างต้นนั้น คือ แรงผลักดันให้นำเรื่องของ "สติปัฏฐาน๔" อันเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา นี้มาเจาะลึกขยายความ เพื่อเป็นแนวทางในการศึกษา ค้นคว้า และพิสูจน์เชิงประจักษ์ ทางวิทยาศาสตร์Quantum Physic ที่โลกทั้งโลกยอมรับอย่างเป็นสากลได้ ทั้งยังสามารถให้ผู้ที่ได้เข้ามาอ่าน ศึกษา นำไปปฏิบัติให้เห็นผล ชนิดสัมผัสแตะต้องได้จริง ทันที ...
ขอความผาสุขสวัสดีจงมีแด่ทุกท่านทั่วกัน .... วันจันทร์ ศึกษาตอนต่อไป ของจริงไม่ยากอย่างที่คิดเหมือนเปิดสวิตไฟฟ้าติดทันใจ จ้า
Post by Miracle.
Post by Miracle.