Pages - Menu

วันอังคารที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2558

อธิจิต จุดเชื่อมของมิติ. (คำสอนพระอาจารย์ธรรมบาล 25 สิงหาคม 2558)

ต่อไปนี้จะได้บรรยาย ขยายความ หัวข้อธรรม เรื่อง 
อธิจิต จุดเชื่อมของมิติ 
ในทางพระพุทธศาสนาเพื่อสาธุชนจะได้นำไปค้นคว้า ศึกษา ในอนาคตต่อไป



มิติ” ในทางฟิสิกส์ไม่ได้หมายถึงมิติลี้ ลับ มิติมหัศจรรย์หรือว่าอีกโลกหนึ่ง แต่หมายถึง Dimension ในภาษาอังกฤษซึ่งมีความหมายทางคณิตศาสตร์ อย่างเช่น จุด (.) มีมิติเป็นศูนย์หรือไม่มีมิติ เส้นตรงก็มี 1 มิติ ส่วนพื้นที่เป็น 2 มิติ และปริมาตร 3 มิติก็เป็นสิ่งที่เราคุ้นเคยมีกว้าง ยาว สูง ในทางคณิตศาสตร์คุณสามารถมีมิติเท่าไหร่ก็ได้ แต่อวกาศหรือที่ว่างที่เราเห็นนั้นเป็น 3 มิติ ซึ่งในการเคลื่อนที่ของวัตถุนั้นนอกจากขึ้นกับพื้นที่แล้วยังขึ้นอยู่กับเวลาด้วยซึ่งในทางคณิตศาสตร์นับเป็นอีกมิติ หนึ่งได้กลายเป็น 4 มิติที่เรียกว่า Space-Time หรือ กาล-อวกาศ


ทฤษฎีของ Quantum Physic แสดงความเป็นไปได้ว่าจะมีมากกว่า 4 มิติ ในปี1921   ธีโอดอร์ คาลูซา (Theodor Kaluza) สันนิษฐานว่ากาล-อวกาศมี 5 มิติ ซึ่งมิติที่เกินมานั้นเรียกว่า มิติพิเศษ (Extra-Dimension) ซึ่งคาลูซา อธิบายว่ามิติดังกล่าวขดตัวอยู่ (Compactify) กลายเป็นมิติที่เล็กมากจนมองไม่เห็น และ ไม่สามารถเข้าถึงได้โดยวิธีปกติทางกลศาสตร์ หรือ ฟิสิกส์ยุคปัจจุบัน    

คล้ายกับการม้วนกระดาษเป็นทรงกระบอกเปรียบเสมือนสนามเวลา หากรัศมีของการม้วนสั้นกว่าความยาวคลื่นของแสง แสงจะไม่สามารถสะท้อนเป็นภาพออกมา ให้มองเห็นได้

ด้วยความสนใจของนักวิทยาศาสตร์ทั้งโลกในกรณีดังกล่าว จึงร่วมกันตั้งโครงการCERN ขึ้นเพื่อจะเปิดประตูมิติพิเศษ(Extra-Dimension) ดังกล่าว



โดยเบื้องต้นได้ทำการทดลองยิงอนุภาคด้วยเครื่องเร่งอนุภาค “แอลเอชซี” (LHC: Large-Hadron Collinder) ของห้องปฏิบัติการเซิร์น (CERN) อันเป็นองค์กรการวิจัยด้านนิวเคลียร์ ตั้งอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์ โดยตามหลักกลศาสตร์ควอนตัมต้องใช้พลังงานจำนวนมหาศาลเพื่อทำให้อนุภาคที่ สามารถเป็นได้ทั้งคลื่นและอนุภาคนั้นมีความยาวคลื่นสั้นลง จนเล็กพอที่จะเห็นมิติที่ขดซ่อนอยู่ได้


สำหรับการทะลุมิติพิเศษในทางQuantum Physic จะหมายถึงการเร่งให้พลังงานสูงพอที่จะเล็กที่สุด พอที่ผ่านทะลุเข้าสู่มิติพิเศษที่นอกเหนือไปจากมิติทั้ง 4 ซึ่งเหนือกว่ามิติปกติปัจจุบันอันเรารับรู้กันอยู่นี้ เปิดประตูมิติพิเศษนั้นออกมาให้เห็นได้ แต่พลังที่ว่านั้นต้อง “มีความเร็วยิ่งยวดกว่าแสง มีพลังสูง และเล็กที่สุด” ซึ่งปัจจุบันขณะนี้ในเชิงปฏิบัติการยังไม่สามารถผลิตเครื่องมือ ที่มีประสิทธิภาพดังกล่าวได้สำเร็จ


เมื่อเราได้อ่านข้อมูลข้างต้นก็ตื่นเต้นไปกับข่าวสารนั้นว่า ตอนนี้โลกเจริญก้าวหน้า ขนาดกำลังทำเครื่องข้ามมิติกันแล้ว


เปล่าเลย !! ความจริงแล้วนักวิทยาศาสตร์ระดับโลกเหล่านั้น ยังล้าหลังกว่าพระพุทธศาสนาเกือบ2,600 ปี เพราะพระพุทธองค์ทรงค้นพบ และสั่งสอนถ่ายทอดให้กับพุทธบริษัท ให้แนวปฏิบัติที่สามารถผ่านทะลุ มิติพิเศษ(Extra-Dimension) ที่ว่านั้นได้เป็นปกติ จนกลายเป็นเรื่องธรรมดาของพุทธสาวกผู้ปฏิบัติชอบในแนวทางแห่ง สติปัฏฐาน-ปฏิสัมภิทามรรค ทั่วไป



เพราะหากว่าผู้ปฏิบัติไม่สามารถผ่านทะลุมิติพิเศษ(Extra-Dimension) นี้ไปได้ ก็จะกล่าวไปใยถึงเรื่องของพระนิพพาน ซึ่งก็เหนือกว่ามิติที่ว่านี้มากมายนัก


  จึงขอนำหลักฐาน และ แนวทางการปฏิบัติเพื่อใช้ในการเจาะทะลุมิติพิเศษ(Extra-Dimension) มาให้ผู้ใคร่ศึกษา-ปฏิบัติ ได้ประดับความรู้ และเป็นแนวทางค้นคว้าในอนาคต.

....โปรดติดตามในตอนต่อไป



ขอความสวัสดีมีชัย จงบังเกิดแก่สาธุชนทุกท่านทั่วกัน


(ต่อ)  คำสอนพระอาจารย์ธรรมบาล  27 สิงหาคม 2558






ก่อนที่เราจะเข้าไปถึงข้อมูลเชิงลึก ในทางปฏิบัติของพระพุทธศาสนาว่า "จะเจาะทะลุมิติพิเศษExtra-Dimension) ได้ยังไง ก็ต้องทำความเข้าใจถึงพื้นฐานขั้นตอนกันก่อนว่ามีอะไรบ้าง? เพื่อจะได้ไม่เข้าใจสับสน

พระพุทธองค์ได้ทรงตรัสไว้ในสติปัฏฐาน แบ่งร่างกายมนุษย์ออกเป็น 2 ชั้นด้วยกัน ชั้นนอก เรียกว่า กายนอก(รูปกาย) หรือ กายเนื้อ(Mass) ที่สามารถสัมผัสรับรู้ มองเห็น สัมผัสได้ด้วยประสาททั้ง  5 อันเรียกเป็นบาลีว่า "กายสังขาร"





ชั้นใน เรียกว่า กายใน(นามกาย) หรือ กายในกาย(Plasma) มีสภาพที่ไม่สามารถมองเห็น หรือ สัมผัสรับรู้ได้ด้วยประสาทภายนอกทั้ง 5 รู้ได้ว่ามีอยู่ แต่มองไม่เห็น เรียกเป็นบาลีว่า "มโนสังขาร" หรือ “ใจ





พระพุทธองค์ทรงให้ความสำคัญอย่างยิ่งของ “กายใน(นามกาย)”โดยบัญญัติไว้เป็นข้อแรก ในการปฏิบัติเพื่อเข้าสู่มิติพิเศษ(Extra-Dimension) เพราะกายในมีสภาพเป็นPlasma ไม่ใช่เป็นMass ซึ่งมีสภาวะเป็นทั้งพลังงาน และ อานุภาค ในขณะเดียวกัน

รวมทั้งทรงตรัสยืนยันชัดเจนถึงความเร็วยิ่งยวดว่า “ไวกว่าสิ่งใด ๆ แม้แต่แสง” ซึ่งหลังจากนั้น2500กว่าปี การค้นคว้าทางPhysic ก็ยืนยันตรงกันว่า การประมวลผลของประสาทในตัวมนุษย์นั้นไวกว่าแสงหลายล้านเท่า เพราะการประมวลผลแต่ละครั้ง นับแต่การเริ่มถอดรหัสโดยRNA ส่งเป็นสัญญาณไฟฟ้า ผ่านเส้นประสาทที่ยาวมากจนสามารถพันรอบโลกได้ถึง 6 รอบ เพียงในเวลาไม่ถึง 1ส่วนล้านวินาที

แต่สภาวะของกายใน(นามกาย) ไวกว่านั้นอีก จึงไม่ต้องกล่าวถึงการผ่านทะลุเปิดมิติพิเศษ(Extra-Dimension) ซึ่งกลายเป็นเรื่อง จิ๊บ ๆ สำหรับผู้ปฏิบัติสติปัฏฐานขั้นต้น ๆ เท่านั้น ยังไม่ต้องพูดถึงผู้ที่ปฏิบัติขั้นสูงกว่านั้น ซึ่งท่องไปทั่วจักรวาล ที่ดาราศาสตร์ฟิสิกส์ ก็ยืนยันว่ามีหลายล้านจักรวาล(Galaxy)

ในการหลักการปฏิบัติเบื้องต้นทางพุทธศาสนา จะต้องสามารถเข้าถึง กายใน(นามกาย) ให้ได้ก่อนโดยการฝึกฝนทำสมาธิขั้นต้นเรียกว่า”อุปจารสมาธิ” อันจะทำให้เกิดสภาวะพิเศษขึ้นเรียกว่า “อธิจิต”





 "อธิจิต" จะเกิดขึ้นได้จากการปฏิบัติให้เกิด "สมาธิ" คือการรวมเป็นหนึ่งของ "วาจา กับ ใจ" จะโดยการสวด ท่องมนต์ เพื่อให้เกิดความพร้อมของวจีสังขารกับมโนสังขาร ซึ่งเราเรียกว่า "ปริต" เป็นสมาธิขั้นต้นหรือ อุปจารสมาธิ ซึ่งอธิจิตนี้เปรียบเสมือนตัวเชื่อมระหว่างมิติธรรมดา กับ มิติพิเศษ นั่นเอง

หากเปรียบเทียบให้มองเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้น คือ สมมุติว่า บ้านของคุณอยู่ใกล้สนามบินเพียง 7 กม. แต่เป็นเส้นทางOneway คือวิ่งได้ทางเดียว จะย้อนศรไม่ได้(เปรียบได้กับวิถีจิตทั้ง 7 เมื่อสุดวิถีจะวนมาเริ่มใหม่เช่นเดิมจากอตีตภวังคจิต เหมือนคุณขับเลยสนามบิน คุณก็ต้องวนไปเริ่มต้นใหม่อีก 7 กม. แล้วย้อนกลับมา...นี่คือการเวียนว่ายตายเกิด คือ ตรงนี้ !!)

คุณมีความตั้งใจจะเดินทางไปอเมริกา ซึ่งขับรถไปไม่ได้ต้องไปด้วยเครื่องบิน (นั่นหมายถึงไปด้วยกายเนื้อ หรือ รูปกายไม่ได้ ต้องไปโดยทางมโนทวารเท่านั้น) เมื่อคุณขับรถไปถึงที่สนามบิน คุณก็จอดรถ ในที่นี้รถก็คือ กายนอก(กายเนื้อ) เดินทางด้วยถนน(ปัญจทวารวิถี) แต่เครื่องบินบินไปในเส้นทางอากาศ(มโนทวารวิถี)

คุณจึงต้องลงจากรถ ในใจคุณได้ตั้งเป้าหมาย โดยมีอารมณ์พร้อมภาพ(สติ+นิมิต)ว่าคุณจะต้องไปขึ้นเครื่องบิน พฤติ(อาการ)ที่คุณรักษา ระลึกรู้อารมณ์ที่จะไปขึ้นเครื่องตรงนี้แหละ เรียกว่า “อธิจิต” ที่จะนำคุณเข้าสู่ประตูกั้นเขตระหว่างคนธรรมดาที่ไม่มีสิทธิเดินทาง(ผู้ไม่ปฏิบัติสมาธิ) ประตูนี้เทียบได้กับ “มโนทวาร”





ที่กล่าวมาแล้วข้างต้น เป็นการเทียบเคียงเพื่อให้เกิดความเข้าใจการทำงาน และหน้าที่ของ “อธิจิต” ในทางPhysic Quantum กับพระพุทธศาสนา


โปรดติดตามตอนต่อไป ในโอกาศหน้า


    ขอความผาสุข สวัสดี มีโชคชัย จงบังเกิดแก่ท่านทั้งหลายทั่วกันทุกท่านเทอญ



อธิจิต (ภาคต่อ)



สารบัญทั้งหมดจะอยู่ทางด้านขวามือของหน้า (ทุกหน้า)