Pages - Menu

วันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

"วิธีกำจัดอุปสรรค อย่างได้ผล ตามแนวทางพระพุทธศาสนา นั้น จะปฏิบัติอย่างไร ? (คำสอนพระอาจารย์ธรรมบาล 22 พฤษภาคม 2558)





วันนี้ จะได้บรรยาย เรื่อง "วิธีกำจัดอุปสรรค อย่างได้ผล ตามแนวทางพระพุทธศาสนา นั้น จะปฏิบัติอย่างไร ?


ก่อนอื่นเราต้องแยกความแตกต่างระหว่าง "ปัญหา" กับ "อุปสรรค" ให้ออกเสียก่อนว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร ? ถ้าเราแยกไม่ออก บอกไม่ได้ การแก้ไขก็จะไม่ได้ผล

"ปัญหา" เกิดจากสภาวะแวดล้อมภายนอก คือ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส รับรู้ได้ทางปัญจทวาร คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย แต่ ...

"อุปสรรค" นั้นเกิดจากภายใน คือ อารมณ์อันเกิดจากผล ที่ปัญจทวารรับเข้ามาสู่มโนทวาร หรือเรียกว่า "ใจ"


ปัญจทวาร คือ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ที่ทำให้เกิดอารมณ์ และอารมณ์นั้นแหละ ที่ก่อให้เกิด "อุปสรรค"


"อุปสรรค" จะมีลักษณะ ฉุดรั้ง ขวางกั้น ทางการปฏิบัติก็คือ นิวรณ์ และอุปกิเลศ นั่นเอง ซึ่งจะเห็นได้จากพุทธพจน์ที่ยืนยันชัดเจนว่า นิวรณ์ ต้องใช้การ "กำจัด ให้หมดไปจากใจ อย่างเด็ดขาด เท่านั้น" 


วิธีการ "กำจัด" ให้หมดสิ้นแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ก็ต้องใช้วิธี "หนามยอก หนามบ่ง หรือ เกลือจิ้มเกลือ" หมายความว่าอย่างไร ? ก็หมายความว่า "อุปสรรค เกิดจากอารมณ์ ก็สร้างอารมณ์ขึ้นมาใหม่ และป้อนเข้าไปสู่มโนทวารแทนที่อารมณ์เก่า" นั่นเอง 


มันเป็นกฏPhysicขั้นพื้นฐานที่พระพุทธองค์ทรงนำมาสั่งสอนถ่ายทอดมาก่อนนัก วิทยาศาสตร์จะค้นพบกว่า 2000 ปี นั่นคือ "กฏของการแทนที่(URAKA)" นั่นเอง 

ท่านสาธุชนผู้เป็นนักปฏิบัติทั้งหลาย เราต้องไม่ลืมว่า รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ล้วนเป็นสมมุติ เมื่อใจรับเอาสิ่งเหล่านั้นโดยทางปัญจทวารเข้ามาจึงกลายเป็น "ธรรมารมย์" อารมณ์ที่เกิดขึ้นโดยแรงกระตุ้นของมหาภูตรูป๔ คือดิน น้ำ ไฟ ลม ซึ่งก็เป็นสมมุติ...
ตามความจริงก็คือสัญญานไฟฟ้าชีวภาค ที่ส่งต่อไปยังสมอง แล้วสมองก็สั่งกลับมาว่าชอบ หรือ ไม่ชอบ กลายเป็น "อารมณ์" นี่ว่ากันตามหลักวิทยาศาสตร์ มันจึงไม่มีอยู่จริง เป็นเพียงสัญญานไฟฟ้า


ก็ด้วยเหตุที่สิ่งทั้งหลายเป็นสมมุตินี้ เรา=นักปฏิบัติ จึงสามารถสมมุติ "อารมณ์" นั้น ๆ ขึ้นมาใหม่ได้ และใส่เข้าไปแทนที่ของเดิม...อย่าเพิ่ง ..งง 


เชื่อมั่นเหลือเกินว่า ท่านนักปฏิบัติทั้งหลาย คงได้ผ่านประสบการณ์ หรือได้รับการสั่งสอน หรือไม่ก็คงได้รับรู้มาบ้างแล้ว เช่นว่า "เมื่อลิ้มรสอาหาร ชนิดใดที่อร่อย ถูกปาก ก็ให้ระลึกอารมณ์ของรสชาดที่อร่อยนั้นไว้" เพื่ออะไร ก็เพื่อที่ว่าในครั้งต่อไป ไม่ว่าจะลิ้มรสอาหารอะไร ก็ให้เอาอารมณ์อร่อยนั้นมา ทำให้สามารถรัปทานอาหารได้อร่อยทุกชนิด แม้กระทั่งใบไม้ก็อิ่มได้เหมือนข้าว (ที่มาของพระธุดงค์เสกใบไม้กินต่างข้าว) และเป็นที่มาของพุทธพจน์ว่า 

"ภิกษุคือผู้เลี้ยงง่าย" 

ก็โดยการจัดสร้างอารมณ์นี้ขึ้นมา แล้วนำไปให้โวฏทัพนะจิต ส่งเข้าไปเก็บไว้ในสัญญา หรือ ธนาคารความจำ เมื่อต้องการใช้...หมายถึงเมื่อรับประทานอาหาร ก็นำเอาอารมณ์อร่อย ถูกปาก นั้นมาใช้ ดังนี้


นั่นก็คือ "ให้ภิกษุผู้ปฏิบัตินั้น สามารถ "ระลึก" (จำให้ได้) ว่าความถี่ระดับไหน ถึงอร่อย...เหมือนเปิดวิทยุคลื่นไหน จำคลื่นได้ ก็ไม่ต้องหมุนหา เปิดปุ๊บติดปั๊บ อย่างนั้นแหละ


ในส่วน อุปสรรค อันก่อให้เกิดความท้อถอย ภาษานักสู้เรียกว่า "ถอดใจ" คือ ใจไม่สู้ซะแล้ว ยังไง ๆ ก็แพ้ ประเภทไดโนเสาร์ตัวใหญ่แพ้ฟรินสโตน(มนุษย์หิน)ตัวนิดเดียว ยังไงยังงั้น ... 

นักปฏิบัติหลาย ๆ ท่าน เมื่อปฏิบัติไประยะหนึ่ง ถึงช่วง "บททดสอบ ที่อกุศลกรรมแสดงผล" คือ อธิษฐานไม่ได้ดั่งปรารถนาบ้าง เกิดอุปสรรคขึ้นในชีวิตครอบครัว ธุรกิจ การงาน ทั้งที่ตัวเองก็ว่าสวดมนต์แล้ว ตั้งลมก็แล้ว เดินปะคำ ทิ้งขนนก สารพัดอย่าง ทำหมด แต่ไม่เห็นได้อะไร มีแต่แย่ลง ๆ ความคิดเกิดขึ้นยังงั้น และในที่สุดก็ "ท้อ(ที่จริงท้อน่ะเค้ามีให้ลิงถือ อยู่หน้ากะปุกยาหม่อง..นะ) เลิกทิ้งไปเลย เรียกว่า "ถอดใจ หรือ แพ้ใจตัวเอง จริงแล้วคือ พ่ายแพ้แก่นิวรณ์ อันเป็นอุปสรรค หรือ บททดสอบที่ขวางกั้นทางไปสู่ชัยชนะ..."


การ "กำจัด นิวรณ์=อุปสรรค" นี้ ทำได้ไม่ยากเลย เพียงการ "สร้างอารมณ์แห่งชัยชนะขึ้นมา แทนที่อารมณ์ท้อถอย พ่ายแพ้นั้น" คำถามคือ ทำอย่างไร ? หมายถึง วิธีทำ หรือ วิธีปฏิบัติ น่ะ ! คงอยากรู้อย่างใจจดใจจ่อ แล้วซิ


วิธีการให้ทำดั่งนี้คือ 

ให้ระลึกถึงภาพ และความรู้สึกในอดีต ในวันที่เราได้รับปริญญา หรือ รับถ้วย รับรางวัลในการแข่งขัน อย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ ให้เห็นภาพชัด ๆ ลองทบทวนกลับไป ในวันที่เรารับปริญญา เตรียมตัว เตรียมเสื้อครุย ซ้อมรับกันเป็นอาทิตย์ เหนื่อย แต่ตื่นเต้น ณ วินาทีที่เราได้รับพระราชทานปริญญา วินาทีนั้นมันประทับในความรู้สึก ว่าทั้งชีวิตและเวลาที่เราได้ทุ่มเทให้นั้น มันมีค่า คือ"ความสำเร็จเพียงแค่วินาทีนั้นจริง ๆ" มันเป็นความรู้สึก อารมณ์ที่ไม่อาจบรรยายได้ด้วยตัวอักษร แต่สัมผัสรับรู้ได้ด้วยใจ 

ก็อารมณ์ตรงนี้แหละ ให้นำไป "ตั้งไว้ ณ ตำแหน่งของใจ แทนที่อารมณ์ท้อถอยนั้น ให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้" และความรันทดท้อถอย จะเสื่อมหายไปอย่างมหัศจรรย์ และสิ่งใหม่ อารมณ์ใหม่จะเกิดขึ้นมาแทนที่คือ "อารมณ์แห่งชัยชนะ แบบ อ๊ะ ...กูก็ทำได้.." นี่แหละเรียกว่า การสร้างธรรมารมย์ กำจัดอุปสรรค แบบเกลือจิ้มเกลือ

สำหรับผู้ที่ไม่เคยรับปริญญา หรือ ชีวิตเกิดมาไม่เคยชนะอะไรเลย แพ้ตลอด(อันนี้คงมีนะ..แต่ยังไม่เคยพบตัวจริง) นี่ก็ไม่ยากเลย...ให้ไปหาDownload Apps เกมส์เด็กเล็ก ชนิดที่ง่ายที่สุดมา ตั้งตรงที่ระดับง่ายที่สุด แล้วเล่น เมื่อชนะก็ จำความรู้สึกอารมณ์ "ชัยชนะ" นั้นไว้ จำไม่ได้เล่นใหม่ให้จำให้ได้ จากนั้นเอาอารมณ์นั้นไปตั้งไว้ที่ ปถวีธาตุ (ธรรม=ตั้งไว้,ทรงไว้+อารมณ์=ธรรมารมย์) ความท้อถอย หรือ ความรู้สึกว่าพ่ายแพ้ ถอดใจ จะไม่กลับมาปรากฏอีกเลย 


จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การเอาชนะอุปสรรค และ ปัญหา นั้นไม่ยากอย่างที่คิด ขอให้นำไปใช้เป็นตัวอย่างและแนวทางในการขจัดอุปสรรค เมื่ออุปสรรคหมดไปจากใจ "ปัญหา" ทั้งหลายก็ไม่อาจสืบต่อเนื่อง เพราะ "ใจสู้" ไม่ต้องเสียเวลาชูสองนิ้วก็ชนะ เพราะ "สิ่งทั้งหลายแพ้ชนะอยู่ที่ใจ" ดั่งพระพุทธองค์ทรงยืนยันไว้เป็นหนึ่งไม่มีสองว่า "สิ่งทั้งหลาย สำเร็จได้ด้วยใจ " นั้นแล



ด้วยพลานุภาพแห่งพุทธคุณ จงเกื้อหนุนให้สาธุชนทุกท่าน ประสบความสำเร็จก้าวหน้าในการปฏิบัติ สัมผัสแต่สิ่งอันเป็นมงคล รับโชคลาภ ศุภผล เจริญก้าวหน้าในการงาน ชีวิต เป็นกำลังเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้ก้าวหน้าสถาพร ปรารถนาสิ่งใดจงสมดั่งปรารถนาที่ได้อธิษฐานจงทุกประการเทอญ....เจริญพร