ดังที่ได้กล่าวไปแล้วว่า "เสียง ที่เราได้ยิน และไม่ได้ยินนั้น เกิดจากการคลื่นเสียงที่ผลักให้เกิดการเคลื่อนตัวของ โมเลกุล" ทั้งนี้หมายรวมไปถึง เสียงที่เราเปล่งออกมาด้วยเช่นกัน ซึ่งสมองจะทำหน้าที่เสมือนเครื่องส่งและเครื่องรับสัญญาณคลื่น การเคลื่อนที่ของโมเลกุลที่เกิดจากคลื่นเสียงนั้น ก็จะทำให้เกิดการเคลื่อนตัวของโมเลกุลในสมองมนุษย์ด้วย
ความมหัศจรย์ของสมองมีการสื่อสาร รับรู้และสั่งการได้อย่างรวดเร็ว โดยใช้เวลาไม่ถึงวินาทีิสำหรับคนที่ศึกษาทางด้านชีววิทยาที่เกี่ยวกับการทำงานของสมอง ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าทึ่งมากๆ และก็เป็นโจทย์ที่ตั้งไว้สำหรับการวิจัยมาช่วงระยะเวลาหนึ่งแล้ว เพื่อที่ศึกษาและทำความเข้าใจถึงกลไกการทำงานและการสื่อสารระหว่างเซลล์สมองนับล้านๆ เซลล์
ซึ่งสามารถกล่าวได้ว่า สมองซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ชั้นยอด อันจะหานวตกรรมใดๆ ในโลกยุคปัจจุบันเทียบได้ เพราะมันสามารถที่จะบรรจุข้อมูลต่างๆ ได้อย่างไม่จำกัด และประมวลผลข้อมูลเพื่อนำมาใช้ได้อย่างรวดเร็ว ตั้งแต่เรื่องที่ดูเหมือนจะง่ายที่สุดอย่างการควบคุมการหายใจไปจนถึงเรื่องที่ดูเหมือนจะยากที่สุด เช่น การแก้โจทย์ปัญหาต่างๆ ในการเรียนรู้ในชั้นเรียน อย่างไรก็ตามสมองก็สามารถเกิดความผิดปกติต่างๆ ได้เช่นเดียวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งแสดงออกในรูปแบบของการเป็นโรคเกี่ยวกับสมอง เช่น โรคพาร์กินสัน โรคความจำเสื่อมและอาการหลงๆ ลืมๆ เมื่อเข้าสู่วัยชรา เป็นต้น
ที่ผ่านมานักวิทยาศาสตร์จำนวนมากได้ศึกษาค้นคว้าและวิจัยสะสมองค์ความรู้ต่างๆ จนสามารถทำความเข้าใจกลไกการทำงานของสมองได้ในระดับหนึ่ง อย่างน้อยในขณะนี้ก็ทำให้เราทราบว่า เซลล์สมองมีการสื่อสารและส่งข้อมูลต่างๆ ผ่านโมเลกุลของสารที่อยู่ภายในร่างกายหรืออาจจะกล่าวได้ว่า เซลล์สมองมีการสื่อสารกันโดยใช้ “biochemical signal molecules” หรือที่เรียกว่า “สารสื่อประสาท”
ปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกน (University of Copenhagen) ประเทศเดนมาร์ก ได้อธิบายถึง ความสามารถในการส่งต่อกระแสประสาทของเซลล์ประสาทไว้ว่า การสื่อสารระหว่างเซลล์ประสาทเหล่านี้จะใช้สารสื่อประสาททั้งหมด 3 ชนิด คือ 1) โดปามีน (dopamine) ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการคิดและความจำ 2) เซอโรโทนิน (serotonin) ทำหน้าที่ควบคุมสภาวะทางอารมณ์ และ 3) นอร์อะดรีนาลีน (noradrenalin) ทำหน้าที่เกี่ยวกับสมาธิ ความตั้งใจ และการตื่นตัว
การที่เซลล์ประสาทสามารถส่งกระแสประสาทไปยังเซลล์ประสาทอื่นๆ ได้ต้องอาศัยการทำงานของ โปรตีนตัวรับ ที่เรียกว่า “Soluble N-ethylmaleimide-sensitive factor attachment protein receptor (SNARE) proteins” หรือเรียกชื่อย่อว่า SNARE ทีมนักวิจัยจากโคเปนเฮเกน พบว่า การส่งกระแสประสาทที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วนั้น เป็นผลมาจากการทำงานของ SNARE ที่ทำหน้าที่เชื่อมเวสิเคิล (vesicle ซึ่งบรรจุสารสื่อประสาท) เข้ากับเยื่อหุ้มเซลล์ประสาท โดยจะพบ SNARE อย่างน้อย 3 ชุดที่ทำหน้าที่ดังกล่าว และถ้ามี SNARE เพียงแค่ชุดเดียวก็จะทำให้การเชื่อมต่อกันของเยื่อหุ้มเซลล์ประสาทกับเวสิเคิลทำได้ช้าลง
โมเลกุลของสารตั้งต้นสำหรับการจับกันเพื่อเกิดเป็น SNARE complex (ตามภาพ) จะบรรจุอยู่ในเวสิเคิลก่อนที่ถุงเวสิเคิลนี้จะเดินทางมาถึงเยื่อหุ้มเซลล์ประสาทที่เป็นเป้าหมาย และการรวมตัวกันอย่างรวดเร็วของเยื่อหุ้มเวสิเคิลกับเยื่อหุ้มเซลล์ประสาทจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยการช่วยเหลือของ SNARE อย่างน้อย 3 ชุด แต่ถ้ามี SNARE เพียงแค่ชุดเดียวก็ยังคงสามารถที่จะทำงานได้ เพียงแต่จะใช้เวลามากขึ้นเท่านั้นเอง. ที่สำคัญคือ SNARE นี้จะเกิดขึ้น เคลื่อนไหว และแตกสลาย หายไป นั้นเกิดจากกระแสคลื่นสัญญาณไฟฟ้าชีวภาค ที่เข้ามากระทบ ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย และความนึกคิด ทางพุทธศาสนา เรียกว่า "อารมณ์"(Bio-electromagnetic)" และนี่คือความสำคัญในการควบคุม สร้างเสริม SNARE ให้เพิ่มจำนวนมากขึ้น เพื่อให้เกิดการสื่อสาร และประมวลของสมองที่รวดเร็ว ก็จะเกิดจากสามารถควบคุมให้อารมณ์สงบได้ มาน้อย นาน ได้แค่ไหน ซึ่งภาษาทางปฏิบัติเรียกว่า "สมาธิ"
สารบัญทั้งหมดจะอยู่ทางด้านขวามือของหน้า (ทุกหน้า) เวอร์ชันสำหรับเว็บ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น