โลภะมูลจิต เป็นตัวอกุศลให้ "คน". ทำชั่ว เมื่อเกิด "โลภ" แล้วตัณหา=ทะยานอยากก็เกิด และเมื่อไม่ได้อย่างหวังก็กลายเป็น "โทสะ=โกรธ". ทำให้ขาดสติ ลืมศีลธรรม ขอเพียงให้ได้มาสนองตัณหาซึ่งโลภะมูลจิตได้สร้างขึ้น นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นปกติกับ "คน" คือผู้ที่ยังไม่พัฒนาเป็น "มนุษย์"
สำหรับ "มนุษย์" หมายถึงผู้ปฏิบัติชอบ ในพุทธวิถี "สติปัฏฐาน-ปฏิสัมภิทามรรค". แค่เริ่ม ก็ละลายโลภะมูลจิตได้ เพราะอะไร ? ก็เพราะ "สมมุติเอาได้". เรียกว่า "อธิษฐานได้. เพราะสิ่งทั้งหลายเป็นสมมุติ". ความโลภ คือ
การทะยานอยากได้โดยเจตนาไม่เป็นกุศล
แต่การ "สมมุติให้เป็น อธิษฐานให้เกิด" คือการเข้าถึงสมมุติ เพื่อขจัดความโลภ อันเป็นรากเง่าแห่ง กิเลส ตัณหา อุปาทาน
เพราะเมื่อ ผู้ที่เป็น "มนุษย์" สามารถสมมุติสิ่งปรารถนาเองได้ จึงไม่มีเหตุผลอะไร ที่จะอยากได้ของใคร เพราะอยากได้อะไรก็สมมุติเอา เหมือนกินข้าวกับไก่ กินทุกวัน ทุกมื้อ ปีเดียว เห็นไก่เราก็วิ่งหนี ความเบื่อเกิดขึ้นเพราะมีเกินไป
เมื่อมีจึงหมดต้องการ เมื่อสมมุติได้จึงรู้จักสมมุติและหลุดพ้นสมมุติ
แต่สำหรับ "คน" นั้นยังหลงติดสมมุติ เพราะเขาเหล่านั้น "สมมุติ เอาเองไม่ได้"
จึงต้องเพียร เวียนว่าย. สร้างอกุศลกรรม ในวัฏฏะสงสารนี้ไปอีกชั่วอนันตกาล
โลภะมูลจิต (คำสอนพระอาจารย์ธรรมบาล 8 ตุลาคม 2558)
13:35 |