ท่านสาธุชนที่ได้เข้ามาศึกษา ฝึกฝนการปฏิบัติ "สติปัฏฐาน-ปฏิสัมภิทามรรค" จะทราบว่า สิ่งที่เน้นย้ำอยู่ตลอดให้ทุกท่านฝึกสร้าง และรักษาให้มั่นนั้นคือ "สัจจะ" เพราะพระพุทธศาสนานั้นสุดยอดคือ "สัจจธรรม คือการดำรงอยู่อย่างจริงแท้ไม่แปรเปลี่ยน (สัจจะ=จริงแท้ ...ธรรมะ=ดำรงอยู่) นั่นคือพระนิพพาน
" สัจจะ". จึงเปรียบเสมือนเมล็ดของพระนิพพาน ที่พุทธบริษัท ผู้ใฝ่ปฏิบัติชอบจะต้องฝึกฝนปฏิบัติให้เกิดขึ้นให้ได้ พระพุทธองค์ทรงยืนยันไว้ชัดเจน ว่าไม่มีหนทางอื่นใด นอกจากพุทธวิถี "สติปัฏฐาน-ปฏิสัมภิทามรรค" ที่จะไปสู่พระนิพพานอันเป็นสุขอย่างยิ่ง หาสุขอื่นใดเทียบมิได้
ดังนั้นเส้นทางการปฏิบัติ เป็นเส้นทางแห่งความสุขแม้จะเริ่มปฏิบัติแค่เบื้องต้นก็สามารถหลุดพ้นจากความทุกข์หยาบ ๆ เช่นหนี้สิน โรคภัย ความทุกข์กาย ทุกข์ใจ ได้อย่างเฉียบพลันทันที ชนิดพิสูจน์สัมผัสเห็นผลได้ โดยไม่ต้องรอชาติหน้า
ความสำคัญของ สัจจะ และ อธิษฐานสำหรับพุทธบริษัทนั้น ได้ปรากฏยืนยันอยู่ในพระอภิธรรมปิฏก,สังคณี , เล่ม 1 ภาค1 หน้า10 ความว่า
.....ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย ธรรมดาว่า ดาวประกายพรึก เป็นดาวประจำวิถี ในโลกนี้และเทวโลก ย่อมไม่ก้าวล่วงวิถีในสมัยฤดูร้อน หรือ ฤดูฝน แม้ฉันใด แม้ท่านก็ฉันนั้นเหมือนกัน อย่าก้าวล่วงวิถีในสัจจะทั้งหลาย ท่านบำเพ็ญสัจจบารมีแล้วจักบรรลุสัมโพธิญาณ อันพุทธการกธรรมทั้งหลายจักไม่มีเพียงเท่านี้ จักเลือกธรรมแม้อื่น ๆ บ่มโพธิญาณ
เมื่อเราเลือกเฟ้นในครั้งนั้นได้เห็น "อธิษฐานบารมี" อันเป็นพุทธการกธรรมข้อที่ ๘ จึงสอนตนว่า จงสมาทานทำพุทธการกธรรมข้อที่ ๘ นี้ให้มั่นก่อน
ท่านเป็นผู้ไม่หวั่นไหวในอธิษฐานบารมีแล้วจักบรรลุสัมโพธิญาณภูเขาศิลาล้วน ไม่หวั่นไหวตั้งมั่นดีแล้ว ไม่หวั่นไหวด้วยลมที่แรงกล้าย่อมดำรงอยู่ในที่ของตนเท่านั้น
แม้ฉันใดเธอก็ฉันนั้นเหมือนกันจงตั้งมั่นในอธิษฐานบารมีในกาลทั้งปวงเธอบำเพ็ญอธิษฐานบารมีแล้วจักบรรลุสัมโพธิญาณฯ
ดังนั้น ท่านที่ได้เข้ารับการฝึกฝน อบรม ปฏิบัติ โดยสมาทาน สัจจะ เพื่อนำไปใช้เป็นอุปการะกุศลในการอธิษฐาน ย่อมเป็นการเดินไปบนเส้นทางแห่งพุทธบุตร ดังปรากฏตามพุทธพจน์ดังกล่าวข้างต้นนั้น
และด้วยความสำคัญของสองสิ่ง คือ สัจจะ และอธิษฐาน มีความต่อเนื่องเชื่อมโยงสัมพันธ์แก่กัน ดุจดั่งชีวิตกับลมหายใจ ดังนั้นผู้ที่จะอธิษฐานได้ผล จะต้องตั้งสมาทาน สัจจะ เป็นสิ่งแรก ขาดไม่ได้ หากขาดก็เหมือนรถที่ขาดล้อ แม้มีคนขับ เครื่องยนต์สมบูรณ์ดี ก็ไม่อาจเคลื่อนที่ไปได้ ฉันนั้น
ความสำคัญแห่ง "สัจจะ" แม้ในชั้นต้นก็เพื่อเปลี่ยนสถานตนเองให้เหนือกว่ามนุษย์ธรรมดา เพราะหลังจากเปล่งสัจจะวาจา(ถึงพร้อมด้วยวาจา+ใจ) สถานะผู้นั้นเปลี่ยนฐานะจากมนุษย์ธรรมดาเป็น "พุทธบุตร" พร้อมที่จะเข้าสู่ภาวะอันวิเศษเรียกว่า "ปริกมฺม" ซึ่งสามารถใช้ในการอธิษฐาน ให้เหตุการณ์หรือสรรพสิ่งเป็นไปตามปรารถนาได้ นี้เป็นขั้นต้น
ในขั้นสูงขึ้นไปคือขั้นอัปนาสมาธิ(ขั้นนี้ต้องทำด้วยกายในกาย หรือใจเท่านั้น เรียกว่า มโนทวารวิถี ก็จะเกิดสภาวะจิตที่มีอำนาจพิเศษดวงหนึ่งขึ้นชื่อว่า "อภิญญา" เป็นชื่อของจิตดวงหนึ่งที่เกิดขึ้นนั้น จะมีพลังที่สามารถเปลี่ยนสรรพสิ่งทุกชนิดให้เป็นไปตามปรารถนาได้ เรียกว่า "การบังคับสมมุติให้อยู่ในอำนาจ แม้ร่างกายซึ่งเป็นเนื้อหนังที่เราจับสัมผัสได้นี้ ซึ่งเป็นสสารMass ก็จะเปลี่ยนไปเป็นพลังงาน หรือเป็นอะไรก็ได้ ตาม "สัจจะวาจาที่อธิษฐาน" ร่างกายที่เปลี่ยนสภาพจากเนื้อหนังไปนี้เรียกว่า " วิมังสา (วิ=วิเศษ ...มังสา=เนื้อ...รวมความคือร่างกาย เนื้อหนังอันวิเศษ) เป็นสุดยอดแห่ง อิทธิบาท๔ ที่ชาวพุทธที่ศึกษาตามคัมภีร์ได้ผ่านตามาแล้ว
ในตอนต่อไปเราจะได้นำตัวอย่างการปฏิบัติ อันปรากฏในพระบาลี มาขยายความเพื่อสาธุชนจะได้ใช้เป็นแนวทางศึกษา สืบค้นต่อไป ในอนาคต
..... ขอความสวัสดี สุขสมหวัง จงมีแด่ทุกท่าน....
สารบัญ หัวข้อหลักที่ควรทราบ