โดยปกติคนทั่ว ๆ ไป ส่วนใหญ่แล้วจะไม่ค่อยชิน หรือไม่ค่อยรู้จักกับ RNA กันนัก จึงขออธิบายเพียงสังเขป พอประมาณ เพื่อเป็นพื้นฐานสำหรับการบรรยายข้างหน้า ต่อไป
อาร์เอ็นเอ (RNA) หรือ เรียกว่า กรดไรโบนิวคลีอิก (Ribo Nucleic Acid – RNA) คือ สายพอลิเมอร์ของนิวคลีโอไทด์ (Nucleotide) ที่ไม่มีการแตกกิ่งก้านสาขา และขนาดสั้นกว่าโมเลกุลของ DNA มาก มีโครงสร้างคล้าย DNA โดยอาร์เอ็นเอ (RNA) ประกอบด้วย น้ำตาลไรโบส (Ribose), เบส 4 ชนิด อันประกอบด้วย อะดีนีน (Adenine, A) , ยูราซิล (Uracil, U) , ไซโตซีน (Cytosine, C) และ กัวนีน (Guanine, G) และ หมู่ฟอสเฟต
RNA จะรับ "รหัส(Code) ที่ DNA บันทึกไว้ โดยนำมาถอดรหัส ข้อมูล ซึ่งแน่ละจะประกอบไปด้วย ความรู้ ระดับความคิด สรรพสาระที่ผ่านมาในอดีต ไม่ว่าจะกี่หมื่น กี่พันปี จะถูกบันทึกเป็นรหัส และแยกเก็บไว้เป็นส่วน ๆ แล้วแต่ว่า สัญญานBio-Electromagnetic จะถูกกระตุ้น ให้เอารหัสในส่วนไหน ส่งให้ RNA ไปแปลรหัส และแสดงออก เช่น พฤติกรรม อารมณ์ หรือ เอกลักษณ์
ซึ่งกระบวนการทั้งหมด จะผ่านการแปลรหัส(Decode) โดย RNA
ในทางพระพุทธศาสนาเรียกการเก็บข้อมูลของ DNA นี้ว่า "สัญญา" ซึ่งจะไม่มีวันดับสูญ ไม่ว่าจะเกิดตายเวียนว่ายไปกี่ร้อยพันชาติ จนกว่าจะบรรลุนิพพาน
อาร์เอ็นเอ (RNA) หรือ เรียกว่า กรดไรโบนิวคลีอิก (Ribo Nucleic Acid – RNA) คือ สายพอลิเมอร์ของนิวคลีโอไทด์ (Nucleotide) ที่ไม่มีการแตกกิ่งก้านสาขา และขนาดสั้นกว่าโมเลกุลของ DNA มาก มีโครงสร้างคล้าย DNA โดยอาร์เอ็นเอ (RNA) ประกอบด้วย น้ำตาลไรโบส (Ribose), เบส 4 ชนิด อันประกอบด้วย อะดีนีน (Adenine, A) , ยูราซิล (Uracil, U) , ไซโตซีน (Cytosine, C) และ กัวนีน (Guanine, G) และ หมู่ฟอสเฟต
RNA จะรับ "รหัส(Code) ที่ DNA บันทึกไว้ โดยนำมาถอดรหัส ข้อมูล ซึ่งแน่ละจะประกอบไปด้วย ความรู้ ระดับความคิด สรรพสาระที่ผ่านมาในอดีต ไม่ว่าจะกี่หมื่น กี่พันปี จะถูกบันทึกเป็นรหัส และแยกเก็บไว้เป็นส่วน ๆ แล้วแต่ว่า สัญญานBio-Electromagnetic จะถูกกระตุ้น ให้เอารหัสในส่วนไหน ส่งให้ RNA ไปแปลรหัส และแสดงออก เช่น พฤติกรรม อารมณ์ หรือ เอกลักษณ์
ซึ่งกระบวนการทั้งหมด จะผ่านการแปลรหัส(Decode) โดย RNA
ในทางพระพุทธศาสนาเรียกการเก็บข้อมูลของ DNA นี้ว่า "สัญญา" ซึ่งจะไม่มีวันดับสูญ ไม่ว่าจะเกิดตายเวียนว่ายไปกี่ร้อยพันชาติ จนกว่าจะบรรลุนิพพาน
ซึ่งการที่พระโยคาวจรจะเข้าถึงพระนิพพานได้ก็ต้องทำลายรหัส หรือ สัญญา" ที่เปรียบเสมือนด่านสุดท้ายนี้ด้วยอำนาจพลังแห่ง "ญาณ" เรียกว่า "สัญญานาสัญญายตนญาณ , เนวสัญญานาสัญญายตนญาณซึ่งทั้งนี้จะต้องหยุดยั้งกระบวนการแปลรหัสของRNA ให้ได้ก่อน ซึ่งก็คือ "สัญญาเวทนิโรธ"
จะเห็นได้ว่า ความก้าวหน้าในทางวิทยาศาสตร์ด้านพันธุกรรมของพระพุทธศาสนา นั้น เจริญก้าวหน้ามาก พระพุทธองค์ทรงถ่ายทอดให้พุทธศาสนิกชนมากว่า 2558 ปี
แต่เชื่อหรือไม่ว่า นักวิทยาศาสตร์เพิ่งค้นพบ DNA ยังไม่ถึง 50 ปี เลย
อาร์เอ็นเอ (RNA) นั้นจะต่างกับ DNA ตรงที่DNA จะเป็นสายคู่ แต่ RNA จะเป็นโพลีนิวคลีโอไทด์สายเดี่ยว(single strand) ซึ่งประกอบด้วยนิวคลีโอไทด์ (Nucleotide) เชื่อมต่อกันด้วยพันธะฟอสโฟไดเอสเทอร์ (phosphodiester bond เป็นพันธะโคเวเลนต์ประเภทหนึ่ง) โดยเบสยูราซิลจะสามารถเชื่อมกับอะดีนีนแทนไทมีนได้ (ดูภาพด้านบน)
อาร์เอ็นเอ (RNA) จะทำหน้าที่คัดสำเนาข้อมูล หรือ เรียกว่าการถอดรหัส (transcription) ข้อมูล จากดีเอ็นเอ (DNA) โดยเอนไซม์อาร์เอ็นเอพอลิเมอเรส (RNA Polymerase) แล้วเข้ากระบวนการสังเคราะห์ต่อเนื่องโดยเอนไซม์ประกอบอื่น ๆ
อาร์เอ็นเอ(RNA) จะทำหน้าที่เหมือนแม่แบบ(Template)สำหรับแปลข้อมูลจากยีนไปเป็นข้อมูลในโปรตีน แล้วขนย้ายกรดอะมิโนเข้าไปในออร์แกเนลล์ไรโบโซม (ribosome)ของเซลล์ เพื่อผลิตโปรตีน และแปลรหัส (translation) เป็นข้อมูลในโปรตีน ซึ่งเป็นที่มาของ "อารมณ์ ความรู้สึก ปฏิกริยา สัญชาติญาน" ซึ่งในทางอภิธรรมเรียกว่า "อายตนะภายใน"
ความสำคัญ หรือ หัวใจของเรื่อง อันเป็นที่มาของชื่อเรื่องว่า " Crack RNA Code" อยู่ตรงความเปราะบางของ RNA ซึ่งอ่อนไหวกว่า DNA(กรณีที่DNA มีการสลับค่า แม้น้อยนิด ก็จะส่งผลให้เป็นมะเร็งในเม็ดเลือดแล้ว)
แต่ RNA นั้นกลับตรงข้าม มันสามารถสังเคราะขึ้นใหม่เองได้ จากการกระตุ้นของ Bio-Electromagnetic และทำหน้าที่ตามสภาวะกระแสกระตุ้นนั้น ให้แปลรหัส ส่งผ่านข้อมูล ไปยังต่อมไร้ท่อ ต่าง ๆ ให้สั่งการ ต่อไป
และความสำคัญ ข้อที่ 2 ที่จัดเป็นหัวใจของเรื่องอีกเช่นกัน
นั่นคือ หน้าที่ของ RNA แต่ละชนิด ที่แยกปฏิบัติการอันซับซ้อน แต่ไม่ซ้ำซ้อน มีขั้นตอนที่แน่นอน ในแต่ละหน้าที่ของ RNA ชึ่งมีอยู่ 3 ชนิด คือ
ชนิดที่1. Ribosomal RNA (rRNA)
rRNA เป็น อาร์ เอน เอ ที่เป็นองค์ประกอบของไรโบโซม ในสิ่งมีชีวิตชั้นสูงพบ rRNA อยู่ ๔ ขนาดคือ 28S, 18S, 5.8S และ 5S rRNA ทำหน้าที่ในการสังเคราะห์โปรตีน
ชนิดที่2. Messenger RNA (mRNA)
mRNA เป็นตัวถ่ายทอดข้อมูลทางพันธุกรรม จาก ดี เอน เอ ออกมาเป็นโปรตีน เมื่อเซลล์ต้องการสร้างโปรตีนขึ้นมาใช้งาน เซลล์จะคัดลอก gene สำหรับสร้างโปรตีนนั้นออกมาเป็น mRNA ดังนั้น mRNA จึงเกิดขึ้นในนิวเคลียส เมื่อมี mRNA แล้ว จะมีกระบวนการขนส่ง mRNA ออกจากนิวเคลียสสู่ไซโตพลาสม ซึ่งเป็นที่สำหรับสังเคราะห์โปรตีน(เรียกง่าย ๆ คือ เครื่องผลิตโปรตีน)
ชนิดที่3. Transfer RNA (tRNA)
tRNA ตัวมันจะมีกรดอะมิโนมาเกาะอยู่ ทำหน้าที่นำกรดอะมิโนมาเรียงร้อยต่อกันเป็นโปรตีน ชนิดของกรดอะมิโนที่จะนำมาต่อนี้ถูกกำหนดโดยรหัสพันธุกรรมบน mRNA ส่วน tRNA มีตัวอ่านรหัสเรียกว่า anticodon(ตัวนี้แหละที่ทำหน้าที่ แปลรหัสของDNA)
วันนี้ คิดว่าคงพอก่อน เพราะหลายท่านคงจะเริ่ม "มึน" กับวิชาพันธุกรรมศาสตร์ แต่เนื่องจากมีความจำเป็นต้องยกขึ้นมาบรรยาย เพราะต่อไปข้างหน้า เมื่อกล่าวอ้างอิงถึง ก็จะได้ร้อง "อ๋อ" เพราะได้รับทราบไปบางส่วนแล้ว
ขอความผาสุขสวัสดี สมปรารถนาในสิ่งอันเป็นกุศล จงปรากฏผลแด่ทุกท่านดั่ง "ใจ" อธิษฐานเทอญฯ
เจริญพร
เพื่อขจัดข้อสงสัย และเพิ่มความมั่นใจ ที่ได้ศึกษา ธรรมบรรยาย เรื่อง " Crack RNA Code" จึงนำส่วนขยายความมาเพิ่ม ตามLink นี้
https://www.facebook.com/notes/miracle/crack-rna-code-appendix/920659657977494
และ ขออนุโมทนา บุญกับ Dr Mint ที่ได้ให้คำปรึกษา ด้านวิชาการ ขอจงเจริญก้าวหน้าในชีวิต กิจการงาน การศึกษา ทุกประการเทอญ
Crack RNA Code By Meditation / 3
สารบัญทั้งหมดจะอยู่ทางด้านขวามือของหน้า (ทุกหน้า)