“อธิษฐาน” คือ การกำหนดสิ่งที่ปรารถนา ให้ปรากฏเป็นจริง(ตามภาพ+วาจา ที่ผู้อธิษฐานกำหนด) อยู่เหนือกฏเกณฑ์ของมิติและกาลเวลา
เมื่อกล่าวถึงคำว่า “อธิษฐาน” ผู้ที่เป็นพุทธศาสนิกชน ย่อมทราบดีว่า หากปราศจากเสียซึ่ง “อธิษฐาน” ก็จะไม่มีพระพุทธศาสนาปรากฏบนพื้นพิภพ เพราะกำเนิดแห่งพระพุทธศาสนา เริ่มมาจากคำอธิษฐานของสุเมธฤาษี ที่เปล่ง”สัจจะวาจา อธิษฐาน” ให้สำเร็จบรรลุธรรมเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้สุมธฤาษีได้เวียนว่ายในต่างมิติแลภพชาติต่างๆ เวลาผ่านไปถึง สี่อสงไขยแสนมหากัปป์ ก็มิได้ทำให้คำอธิษฐานนั้นลางเลือน ด้วยอำนาจแห่งสัจจะอธิษฐาน ส่งผลให้สุเมธฤาษี สำเร็จตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาน เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สั่งสอนถ่ายทอดธรรมะ-ปฏิบัติให้สรรพสัตว์พ้นห้วงทุกข์สู่พระนิพพานแดนเกษม จวบจนปัจจุบันอันเราท่านรู้จักกันในนามของ “พระพุทธศาสนา” และนี่คือความสำคัญของ “อธิษฐาน”
อธิษฐาน จะประกอบด้วยหลักใหญ่ ๆ สองประการคือ เสียง กับ ภาพ
เสียง คือ “วาจา” …ผนวกด้วย “ภาพ”
“วาจา”นั้น จะต้องเป็น สัจจะ(จริงแท้ไม่แปรเปลี่ยน เป็นวาจาที่ถูกเปล่งมาจากฐานที่ตั้งของใจ) วาจาที่มาจากใจ จะเปรียบเสมือคำสั่งที่บ่งชี้ว่าจะก่อสร้างอะไร เป็นอาคาร บ้าน หรือตึก
“ภาพ” นั้น เปรียบเสมือน “พิมพ์เขียว”(Blueprint) ของสิ่งที่ปรารถนาจะสร้าง
ทั้งภาพและเสียง จะต้องถูกกำหนดทั้งอัตราส่วน รายละเอียดอย่างสมบูรณ์เพื่อให้สถาปนิกสามารถดำเนินการก่อสร้างได้ตามแบบไม่ผิดเพี้ยน
ดังนั้น เมื่อเรามีแบบแปลน(พิมพ์เขียว) แล้ว แม้ว่าจะเขียนโดยสถาปนิกไทย แต่เราก็สามารถนำไปให้สถาปนิกที่ไหนๆ ก็สามารถสร้างได้ เพราะเป็นสากล นี่คือ คำตอบที่ปราศจากข้อสงสัยว่า ทำไม …… คำอธิษฐาน ข้ามภพชาติ และกาลเวลา จึงไม่แปรเปลี่ยน และยังคงรักษาเป้าประสงค์ของผู้อธิษฐานไว้ได้ โดยไม่จำกัดกาลและสถานที่
ข้อสำคัญคือเราเก็บพิมพ์เขียวไว้ที่ไหน จึงจะไม่ถูกทำลายสูญหายไปเสียก่อน ตัวที่ทำหน้าที่เก็บพิมพ์เขียว(อธิษฐาน) ในทางพระอภิธรรมเรียกว่า “ชวนจิต” จะทำหน้าที่เข้ารหัส(Encryption) ไว้ถึง 7 ระดับความถี่ของจักวาล(ซึ่งมี 7 ย่านความถี่ ที่แตกต่างกันด้วยกาลเวลา) ส่งผลให้คำอธิษฐานอยู่เหนือกฏเกณฑ์ของมิติ และ กาลเวลา
ดังนั้น ไม่ว่าผู้ที่ได้อธิษฐานอย่างถูกต้องตามพุทธวิถี “สติปัฏฐาน-ปฏิสัมภิทามรรค” จะไปอยู่ในภพภูมิใด เวลาจะแตกต่างกันแค่ไหน ก็มิได้เป็นอุปสรรคที่จะสามารถกีดกั้นคำอธิษฐานนั้นได้
การอธิษฐาน แตกต่างจาก “การอ้อนวอนร้องขอ” ซึ่งส่วนใหญ่เรามักสับสนระหว่าง การบนบานศาลกล่าวกับผีสางนางไม้ เช่น ……เจ้าประคู้น งวดนี้ขอให้ถูกหวย ……ให้ได้โน่นนี่นั่นแล้วจะมาแก้บน…” ซึ่งจะเกิดขึ้นหรือไม่ เมื่อไร ตอนไหน ไม่รู้ (ตามเฮง ตามซวย) นี่ไม่ใช่การอธิษฐาน
เพราะการอธิษฐานตามพุทธวิถี จะมีแบบอย่างเฉพาะ และสามารถพิสูจน์ผล รวมทั้งกำหนดเวลาเห็นผลว่า เมื่อไร ที่ไหน ได้ด้วย นี่คือความแตกต่างระหว่าง การอธิษฐาน กับ การอ้อนวอน บนบาน ร้องขอ
พระพุทธศาสนา เป็นสัจจธรรม สามารถปฏิบัติ และพิสูจน์ได้ในกาลทุกเมื่อ ข้อสำคัญจะได้ผลหรือไม่ อยู่ที่ว่าปฏิบัติถูกวิธีที่พระพุทธองค์ทรงบัญัติไว้หรือไม่ ?
มีตัวอย่าง ผลพิสูจน์ของจริงเชิงประจักษ์ในการกำหนดเป้าประสงค์ ระยะเวลา สถานที่ ของสาธุชนผู้ปฏิบัติ “อธิษฐาน” ตามพุทธวิถี “สติปัฏฐาน-ปฏิสัมภิทามรรค” กรณีศึกษา
ขออนุโมทนาคุณ Kulrisa ที่ได้เผยแผ่ผลการปฏิบัติ”อธิษฐาน” ตามพุทธวิถี ขอความเจริญก้าวหน้า ในหน้าที่การงาน ประสบความผาสุขสวัสดี สมปรารถนาในสรรพสิ่งอันเป็นกุศล จงปรากฏผลโดยพลัน แก่คุณKulrisa ครอบครัว และสาธุชนทุกท่านที่ได้ร่วมอนุโมทนา และศึกษาธรรมนี้ถ้วนทั่วกัน ทุกท่านเทอญ