ในทุกยุคสมัย ทุกชนชาติ สิ่งที่เป็นหนึ่งเดียวกันคือสัญญลักษณ์แห่งความมั่งคั่ง และอำนาจ คือกษัตริย์ หรือ จักรพรรดิ์ สีแทนสถาบันนี้ คือสีน้ำเงิน เรียกว่า บุษกรจันทร์ ถ้าเป็นอัญมณีเรียกว่า เพชรพระสมุทร หรือเพชรสีน้ำเงิน แพงที่สุดกว่าอัญมณีทั้งหลาย
สถานี เช่นคลื่นความร่ำรวย เงิน หรือ โชคลาภ ก็จะมีคลื่นเฉพาะ ดังนั้นการเชื่อมต่อ หรือปรับให้คลื่นตรงกันได้ทุกครั้งจึงต้องฝึก และทำใด้ทางเดียวคือ
ใจ เรียกว่า มโนทวารวิถี
ทางกายสังขาร เรียกว่าปัญจทวาร=ตา หูจมูก ลิ้น กาย
ทำไม่ได้ 5ส่วนที่ว่าเพียงแค่รับรู้ แต่รับ และส่งกระแสคลื่นไม่ได้
เราจึงต้องมาฝึกให้ชำนาญ เมื่อทำได้แล้ว ก็จะแยกแยะดี ชั่ว บุญ บาป ไม่ตกเป็นเหยื่อของอกุศลใด ๆ ที่มนุษย์ทั้งหลายต้องพึงรับ
จึงอยู่เหนือดวงชะตา และความคาดหมายของคนธรรมดาทั่วไป
ในทุกสภาวะ และสถานะ
ไม่จำเป็นต้องสวด แต่ให้ภาวนา. คือให้ท่องคาถาด้วยใจ ออกเสียงในใจ เรียกว่าขึ้นใจ
คำถามคือจะรู้ยังไงว่าได้ผล สังเกตุได้จากปิติ จะเกิดขึ้น คาถานั้น ๆ แค่นึก ก็ใช้ได้เลย ถ้าไม่เกิดปิติ ถึงสวดและท่องคาถาได้ ก็ไม่ได้ผล
ไม่ต้องท่อง อ่านในใจ ไม่ได้ให้จำอักษรตัวคาถา แต่ให้สังเกตุอารมณ์ ความรู้สึก ว่ามันแตกต่างจากปกติอย่างไร นั่นแหละเรียกว่า สติ คือ ธรรมชาติระลึกรู้อารมณ์ ถ้ามันแตกต่างไปจากปกติ นี้เรียกว่า ปิติ เราก็จำอารมณ์นี้ มาใช้อธิษฐาน
ตอนนี้ คงจะถึงบางอ้อกันบ้างแล้วว่า ทำไมต้องทิ้งขนนก ทำไมต้องออกเสียง ก็เพื่อหาเจ้าตัว ความแตกต่าง ของอารมณ์ ที่เกิดขึ้นใหม่อันเรียกว่าปิติ นี้ มันเกิดตอนไหน ตัวไหน ลักษณะอย่างไร จำได้แท้ ๆ แล้ว ก็เอาเจ้าความรู้สึกหรืออารมณ์ตัวนี้มาใช้ กำหนดสิ่งที่เราต้องการ เรียกว่า การอธิษฐาน และที่ได้ เพราะเราส่งความถี่ผ่านทาง มโนทวารวิถี ที่เร็วกว่าเวลาปกติ เป็นเวลาของใจ ผลที่ได้จึงปรากฏเรียกว่าอธิษฐานฤทธิ์ สำเร็จได้ด้วยใจ โดยประการฉะนี้
ทำไมต้องทิ้งขนนก ทำไมต้องออกเสียง (คำสอนพระอาจารย์ 28 มี.ค 2556)
11:38 |
Read User's Comments(0)
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)